นิคอน ก้าวสู่ศักราชใหม่ ส่งเลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต “Nikon SeeMax Ultimate” ปฎิวัติวงการอีกครั้ง ด้วยโครงสร้างเลนส์มากกว่าสี่ร้อยล้านรูปแบบ ชูกลยุทธ์ Personalization เดินหน้าขยายฐานลูกค้าไฮเอนด์

บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจัดจำหน่ายเลนส์สายตานิคอนประจำประเทศไทย ครั้งแรกกับการเปิดตัวในประเทศไทย เลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต (Nikon SeeMax Ultimate) ที่สุดของเลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล (Progressive Lens) ด้วยนวัตกรรมขั้นสูงล่าสุด (Insights Technology) จากนิคอน ผู้นำแห่งเทคโนโลยีการผลิตเลนส์ ครั้งแรกที่ให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการออกแบบเลนส์ของตนเองผ่านแอปพลิเคชันบน iPad (PAL Sensitivity Test) ได้โครงสร้างเลนส์สายตามากกว่า 428,793,740 รูปแบบ พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มตลาดระดับบน (Hi-end market) ชูกลยุทธ์การตลาดแบบ Personalization ตอบทุกโจทย์ของผู้สวมใส่ยุคปัจจุบัน

เลนส์โปรเกรสซีฟเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆ สำหรับผู้สวมใส่แว่นที่ต้องการวิสัยทัศน์คมชัดทุกระยะการมอง ผู้สวมใส่สามารถมองเห็นวัตถุจากระยะไกล กลาง และใกล้ได้อย่างต่อเนื่องไร้รอยต่อ หากแต่โครงสร้างของเลนส์โปรเกรสซีฟทั่วไปที่มีอยู่ในปัจจุบันยังมีโครงสร้างที่จำกัด คือหนึ่งโครงสร้างเลนส์ถูกนำไปใช้สำหรับหลายค่าสายตา ทำให้ผู้สวมใส่ยังคงได้รับภาพที่ไม่เป็นธรรมชาติ หลายคนรู้สึกไม่สบายตา มีอาการมึน เวียนศรีษะ ซึ่งกว่าครึ่งพบว่ามีสาเหตุมาจากการวางตำแหน่งเลนส์ไม่เข้ากับสรีระหรือพฤติกรรมาของผู้สวมใส่

ดร. ศุภชัย อาชีวระงับโรค ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เพราะดวงตาทุกคู่มีการมองเห็นที่ต่างกัน เป็นหนึ่งเดียว เหมือนกับลายนิ้วมือ ในปี 2563 นี้ นิคอนจึงตั้งใจที่จะแนะนำ เลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต (Nikon SeeMax Ultimate) ที่สุดของเลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล (Progressive Lens) ให้กับตลาดประเทศไทยได้รู้จัก ด้วยการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นผ่านนวัตกรรมขั้นสูงล่าสุด (Insights Technology) จากนิคอน สายตาที่มีความแตกต่างเฉพาะตัวจึงได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งาน ความพิเศษของ Nikon SeeMax Ultimate ที่ไม่เหมือนใคร คือสามารถจับคู่เลนส์แก้วตามนุษย์และโครงสร้างเลนส์สายตาได้ในสัดส่วน 1:1 หรือเรียกได้ว่าเป็นเลนส์แว่นตาที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลที่แท้จริง โดย Nikon SeeMax Ultimate มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ Nikon SeeMax Ultimate Standard และ Nikon SeeMax Ultimate with Sensitivity”

นวัตกรรมขั้นสูงล่าสุด (Insights Technology) จากนิคอนที่นำมาใช้ในการออกแบบและผลิตเลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล จะคำนึงถึง 3 ปัจจัยเป็นสำคัญ คือ ความต้องการ ลักษณะการใช้งาน รวมถึงความคุ้นชินในการใช้งานของผู้สวมใส่ ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ

1) การใช้ Nikon Optical Design Engine ในการคำนวนและปรับแต่งเลนส์ เพื่อประสบการณ์การมองเห็นที่ดีที่สุด เลนส์ทุกชิ้นของ SeeMax Ultimate จะถูกส่งไปคิดคำนวนและปรับแต่งที่ประเทศญี่ปุ่นโดย Nikon Optical Design Engine เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของนิคอน ที่ได้รับการยอมรับระดับสากลในเรื่องของความแม่นยำ ทำให้ผู้สวมใส่ได้โครงสร้างเลนส์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับค่าสายตาของเขา ถัดมาคือ 

2) การให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบเลนส์ของตัวเองผ่านแอปพลิเคชันบน iPad (PAL Sensitivity Test) ซึ่งทดสอบความไวต่อภาพบิดเบือนของแต่ละบุคคล ผลที่ได้คือความสบายตาและการมองเห็นที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด และขั้นตอนสุดท้าย

3) การนำค่าสถิติเดิมหรือประวัติการสวมใส่แว่นมาช่วยในการออกแบบโครงสร้างเลนส์ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคปรับตัวกับเลนส์คู่ใหม่ได้ง่ายที่สุดโดยสองขั้นตอนหลังจะเป็นขั้นตอนที่เพิ่มมาสำหรับรุ่น Nikon SeeMax Ultimate with Sensitivity ซึ่งเมื่อคำนวนออกมาแล้วจะทำให้ได้โครงสร้างเลนส์มากกว่า 428,793,740 รูปแบบ” ดร. มายูมิ ฟาง ผู้จัดการฝ่ายวิชาการภาคพื้นอินโดไชน่า กล่าวเสริม

นิคอนไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์สายตาชั้นนำระดับโลก หากแต่ยังเป็นผู้นำในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ธุรกิจไมโครชิฟ การถ่ายภาพในชั้นบรรยากาศ เครื่องสแกน กล้องดูดาว รวมถึงธุรกิจสร้างชื่ออย่าง กล้องถ่ายรูป บริษัทฯ จึงมีการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในหลายๆสาขาเทคโลยี ทำให้การค้นคว้า วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีทางเลนส์สายตาเป็นไปอย่างก้าวหน้า

“นี่คืออีกครั้งของนิคอนที่ส่งนวัตกรรมเลนส์แว่นตาขั้นสูงมาเพื่อปฎิวัติวงการ กว่าร้อยปีของการเป็นแบรนด์แรกของโลก ที่คิดค้นนวัตกรรมเลนส์สายตาระดับสูง และสร้างปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงในวงการเลนส์สายตามาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเคลือบเลนส์เพื่อป้องกันแสงสะท้อน (anti-glare coating) เลนส์ที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีค่าสายตามากแต่ต้องการเลนส์บางพิเศษ (ultra-high lens) เลนส์ใสตัดแสงสีฟ้า (clear lens to filter blue light) เลนส์สำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสูงวัยให้สามารถรับแสงที่สดใสมากขึ้น (coating to improve the brightness) และครั้งนี้กับเลนส์แว่นตาแห่งอนาคต (uniquely created PAL/progressive lens) ที่ยังไม่มีแบรนด์ใดในตลาดที่สามารถออกแบบโครงสร้างได้มากเท่านี้มาก่อน” ดร. ศุภชัย กล่าว

“ที่ผ่านมา เลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต (Nikon SeeMax Ultimate) ได้เปิดตัวและวางจำหน่ายไปแล้วในประเทศแคนาดา อังกฤษ ไต้หวัน และสิงคโปร์ มีการส่งมอบสินค้าไปกว่า 16,000 คู่ ด้วยนวัตกรรมขั้นสูงล่าสุด (Insights Technology) ของนิคอน รวมถึงการให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบเลนส์ของตัวเอง ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชันลิขสิทธิ์เฉพาะของนิคอนบน iPad (Sensitivity Test) ทำให้พบว่า กว่า 91% ผู้สวมใส่สามารถปรับตัวได้ในทันที โดยไม่มีการส่งคืนสินค้า อัตราความสำเร็จในการขาย (Success Rate) เป็น 100% นี่เป็นอีกเสียงช่วยยืนยันได้ดีว่า เลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต (Nikon SeeMax Ultimate) เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่ออกแบบมาเพื่อเฉพาะบุคคลที่แท้จริง จะเห็นได้ว่า นิคอน ไม่ได้เน้นเพียงเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุดของเลนส์ หากแต่ยังมุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการ ไลฟ์สไตล์ รวมถึงความเป็นตัวตนของผู้บริโภคในปัจจุบัน (personalization) มากที่สุดอีกด้วย ซึ่งเราตั้งใจที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Personalization นี้ในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มตลาดระดับบน (Hi-end market) ในประเทศไทย” ดร. ศุภชัย กล่าว

“ด้านของกลยุทธ์การบริหารความสัมพันธ์และการทำธุรกิจกับพันธมิตรทางธุรกิจเครือข่าย Nikon Global ได้เข้ามาสนับสนุนการอบรมความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ให้กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ผ่านโปรแกรม Train the Trainer เพื่อให้ตัวแทนมีมาตรฐานในการให้บริการเช่นเดียวกัน มีความเข้าใจในตัวสินค้าอย่างกระจ่างชัด ช่วยเสริมความมั่นใจในการจ่ายเลนส์ให้แก่ผู้สวมใส่ โดยการอบรมนี้ เริ่มตั้งแต่การสัมภาษณ์คนไข้ ประเมินอาการ ความต้องการการแก้ไข้สายตาของคนไข้ จับคู่กับความเหมาะสมกับเลนส์แต่ละชนิด จนถึงการวัดสายตา และการเลือกกรอบแว่น นอกจากนี้เรายังได้จัดงานสัมมนาเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง มีวิทยากรจากหลากหลายสาขามาร่วมพูดคุย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมทักษะและแลกเปลี่ยนมุมมองที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวแทนจำหน่าย รวมถึงยังเป็นอีกช่องทางการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทั่วประเทศ

นิคอนเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของตลาดเลนส์แว่นโปรเกสซีฟ ที่มีแนวโน้มขยายตัวตามสังคมดิจิตอล ที่ผู้คนในปัจจุบันมักจะใช้สายตาจดจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือจอมือถือเป็นเวลานานต่อวัน ซึ่งล้วนส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพสายตาในระยะยาว นอกจากนี้ เรายังมองเห็นโอกาสในการแนะนำสินค้าและบริการให้กับกลุ่มคนที่ยังไม่มีรู้จักเลนส์แว่นโปรเกสซีฟ หรือยังไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอเพื่อการตัดสินใจ รวมถึงกลุ่มตลาดผู้ใช้คอนแทคเลนส์อีกด้วย  ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าเจาะกลุ่มผู้ที่มีความจำเป็นต้องใส่แว่นโปรเกสซีฟ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าตลาดระดับบน ที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 15% ของตลาดตลาดเลนส์แว่นโปรเกสซีฟ” ดร. ศุภชัย กล่าวปิดท้าย