รีวิวคอนโด โครงการ : Niche MONO อิสรภาพ อยู่อย่างมีสไตล์ในย่านกรุงเก่า เข้าเมืองสะดวก

Niche MONO อิสรภาพ อยู่อย่างมีสไตล์ในย่านกรุงเก่า เข้าเมืองสะดวก

วันนี้ผมขอพาทุกคนลงพื้นที่คลาสสิคอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพคือ ถนนอิสรภาพ ซึ่งบริเวณใกล้เคียงนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และวัฒนธรรมที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในชื่อว่า “ย่านกุฎีจีน” เห็นได้ชัดจากการที่มีทั้งวัดวาอาราม มัสยิด และโบสถ์คริสต์ตั้งเรียงรายอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และผู้คนในย่านนี้ต้องเรียกว่าสืบเชื้อสายมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายกันเลยทีเดียว แต่นอกเหนือจากความคลาสสิคที่สร้างเอกลักษณ์ให้ย่านนี้ ก็คือ การเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้า MRT “อิสรภาพ” ซึ่งเป็นสถานีแรกของฝั่งธนที่เชื่อมต่อมาจากสถานีสนามไชยโดยลอดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยานี่เอง

การเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวก

Niche MONO อิสรภาพ ตั้งอยู่บนถนนอิสรภาพ ในระยะเดินไปยัง MRT อิสรภาพแค่เพียง 200 ม. เท่านั้น ในบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอย่างทวีธาภิเษก, ชิโนรสวิทยาลัย, ศึกษานารี และข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปก็มีสวนกุหลาบวิทยาลัย ราชินี ม.ธรรมศาสตร์ และศิลปากร ซึ่งเป็นระยะการเดินทางด้วย MRT แค่สถานีเดียว การจับจ่ายซื้อของก็จะมี Big C อิสรภาพ, TOPS พรานนก ที่อยู่ในโซนร้านค้าสวัสดิการทหารเรือ, Platform วงเวียนใหญ่ จะเลยไปช็อปที่ตลาดพรานนก และวังหลังก็ไปสะดวกครับ รวมถึงห้างสรรพสินค้าระดับ World Class อย่าง Icon Siam สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ อยู่ใกล้กับรพ.ที่ไว้ใจได้อย่าง รพ.ธนบุรีและรพ.ศิริราช เท่านี้ก็หมดกังวลแล้วครับ

ส่วนการเดินทางด้วย MRT ถือว่าสะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานีใกล้เคียง ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่ามีทั้งวัดสำคัญของไทย อาทิเช่น วัดระฆังโฆสิตาราม วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เป็นต้น  พื้นที่ชิลล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสถานที่กินช็อปมาแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ ทั้งเยาวราช มิวเซียมสยาม เสาชิงช้า คลองถม พวกนี้คือเดินทางแค่ไม่กี่นาทีอยู่สถานีถัดๆ กันไปทั้งนั้นเลยครับ จะเข้าไปสามย่าน สีลม ก็เพียง 6 สถานีเท่านั้น ก็เพราะสถานีอิสรภาพเป็นสถานีสุดท้ายก่อนลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาไปเชื่อมต่อที่ฝั่งพระนคร

ภาพรวมโครงการ

โครงการ นิช โมโน อิสรภาพ เป็นคอนโดที่ร่วมทุนระหว่างเสนาและบริษัท Hankyu Hanshin จากญี่ปุ่น ซึ่งก็ได้นำเอาแนวคิด Geo fit+ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยรวบรวมความคิดเห็นจากผู้อยู่จริงทุกช่วงวัยมาปรับใช้ให้เกิดเป็น Solution ที่ใช้จริงในโครงการ เมื่อผสานกับความละเอียดลออของผู้หญิง สไตล์ Made from Her ซึ่งเป็นหัวใจของเสนาแล้ว จึงเกิดเป็นโครงการนี้ที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด แต่ละจุดผ่านการคิดมาแล้วว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดีที่สุดครับ

โครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร (Tower A และ B) รวม 259 ยูนิต ซึ่งก็เป็นไปตามข้อจำกัดของผังเมืองแถบนี้ที่ต้องรักษาทัศนียภาพเอาไว้ สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่จึงเป็นอาคารพาณิชย์สูงไม่กี่ชั้น สลับกับบ้านเรือนของกลุ่มชุมชนดั้งเดิม ถือว่าเป็นโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวพอสมควร และออกแบบในสไตล์ Modern Colonial ให้ทั้งความอ่อนช้อยผ่านเส้น Arch โค้ง และก็ดูคลาสสิคร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน

Facilities ที่นี่จะตั้งอยู่ที่ Tower A มีทั้ง Stylish Lobby, Co-Living Space, Active Gym ที่มีทั้งโซน Cardio, Weight Training และพื้นที่สำหรับเล่นโยคะ รวมถึงสระแบบ Infinity Edge Pool พร้อมสระเด็ก และพื้นที่สำหรับพักผ่อนริมสระ Pavilion Pool Area ครับ

Type ห้องและราคา

ที่นี่มีห้องทั้งหมด 3 Type ได้แก่

  • แบบ 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 27.5-32 ตร.ม. จุดเด่นคือ ทุกยูนิตมีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นและรับประทานอาหาร แยกกันกับครัวที่เป็นสัดเป็นส่วน ในห้องนอนจัดวางเฟอร์นิเจอร์ทั้งตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน และเตียงขนาด King Size แถมห้องขนาด 32 ตร.ม. ยังได้พื้นที่เพิ่ม ที่เหมาะกับการวางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานอีกด้วย
  • แบบ 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 35.5 – 36.5 ตร.ม. ห้องนี้จะเพิ่มพื้นที่ประโยชน์ใช้สอยให้มากขึ้น ด้วยการที่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา และจัดวางเตียงแบบ Daybed เอาไว้ให้ ซึ่งตรงนี้เราก็สามารถปรับใช้เป็นได้ทั้งพื้นที่พักผ่อนเพิ่มเติมจากห้องนอนหลัก หรือจะปรับไปเป็นพื้นที่ทำงานก็ได้ โดยห้องนี้จะมีพื้นที่ Living Area กว้างขวาง ตอบฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งนั่งเล่นและรับประทานอาหารอยู่ด้วยกันติดกับฝั่งระเบียง และย้ายครัวไปทางด้านหน้าห้องแทน ซึ่งก็ยังเป็นครัวปิดอีกเช่นกันครับ
  • แบบ 2 Bedroom ขนาดเดียวที่ 50 ตร.ม. และเป็นห้องหน้ากว้าง ห้องนี้ก็ยังจัดวางครัวปิดมาให้ ทำให้ทุกห้องในโครงการนี้สามารถทำครัวไทยได้สบายเลยครับ ห้องน้ำมี 1 ห้อง จัดวางตำแหน่งไว้นอกห้องนอน สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด ส่วน Living Area ติดกับระเบียงเช่นเคย และห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะอยู่ติดกัน ความแตกต่างก็คือ Master Bedroom จะได้ Walk-in Closet ส่วนห้องนอนที่ 2 เป็นตู้เสื้อผ้าบิวท์อินครับ

นอกจากเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินที่จัดเตรียมไว้แล้ว โครงการยังมี Digital Door lock เพื่อความปลอดภัยให้ทุกยูนิตด้วย นอกจากนี้ยังมีความสะดวกสบายในการฝากขาย ติดต่อ แจ้งซ่อม และบริการที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยผ่านแอพ SENA 360 และมีสิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้านอย่าง SENA Hankyu Hanshin Owners Club ซึ่งจะมีกิจกรรมและส่วนลดต่างๆ ที่เราสามารถไปใช้สิทธิได้ในประเทศญี่ปุ่นฟรีอีกด้วยครับ คนรักญี่ปุ่นน่าจะชอบ

มาถึงตรงนี้ก็ขอสรุปถึงเรื่องราคาขายจากโครงการซึ่งเริ่มต้นที่ เริ่ม 2.49 ล้านบาท* (เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 97,000 บาท/ตร.ม.) หรือผ่อนเริ่มต้นที่ 7,999 บาท/เดือน คาดว่า โครงการน่าจะแล้วเสร็จสิ้นปี 2564 แฟนเพจ Living Sneak Peek ที่สนใจก็เข้าไปชมโครงการได้ทุกวัน หรือคลิกลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่ >> http://bit.ly/381uVnx  

เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเข้าไปชมโครงการด้วยกันเลยครับ!

 

ห้องตัวอย่างวันนี้มีสอง Type คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. และแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35.5 ตร.ม. ต้องบอกก่อนเลยว่าโครงการที่นี่ได้ครัวปิดทุกยูนิต เฟอร์นิเจอร์ที่ได้มีนวัตกรรมจากญี่ปุ่น และที่สำคัญ ไม่มีห้องนอนห้องไหนหันหัวนอนไปจากทิศตะวันตกด้วยนะครับ ซึ่งวันนี้ก็ติดตามดูภาพสวยๆ ไปก่อน แล้วหลังจากนี้ค่อยแวะไปดูของจริงกันที่ Sale Gallery โครงการนะครับ (ทางไป Sale Gallery โครงการ Niche Mono อิสรภาพ >>https://goo.gl/maps/FkiuAYk2kmBygo2J

 

เปิดเข้ามาดูห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. เป็นห้องแรก…

โครงการขายแบบ Fully Furnished ซึ่งเราก็แทบจะไม่ต้องไปยก ไปขน โต๊ะ ตู้ เตียงกันมาเองให้วุ่นวายแล้วครับ โครงการเค้าเตรียมเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักๆ ที่ลูกบ้านจำเป็นต้องใช้งาน แบบที่ดูเข้ากัน และลงตัวต่อการใช้งานจริงๆ มาให้แล้วเรียบร้อย อย่างเช่น โซฟา ตู้รองเท้า, ตู้เสื้อผ้า, ฐานเตียง, ชุดครัว, แอร์ 2 เครื่องและอื่นๆ อีกมาก จะมีอะไรบ้างเดี๋ยวตามเข้าไปดูข้างในพร้อมๆ กันครับ

เดี๋ยวเราลองเข้าไปชมกันทีละส่วน โดยเริ่มกันตั้งแต่หน้าประตูเลยครับ จะเห็นว่ามีตู้เก็บรองเท้าบิวท์อินไว้ให้ในขนาดที่กำลังพอดี น่าจะจุส้นสูง, ผ้าใบ, Flip Flop ของสาวๆ ได้หลายคู่อยู่ (ส่วนหนุ่มๆ คุณคงได้ใช้แค่ชั้นเดียว ฮ่าๆ)

เมื่อเรากลับมาก็เปิดตู้แล้วเก็บรองเท้า หรือเอา Sneakers ที่เพิ่ง (แอบ) ถอยมาใหม่เก็บใส่ได้เลยทันทีตั้งแต่เข้าห้อง ไม่ต้องหิ้วเข้าไปด้านในให้เป็นที่สงสัย หรือ คุณสาวๆ ก็ไม่ต้องถอดรองเท้าคู่ใจวางไว้ตามพื้นห้องให้เสี่ยงต่อการสะดุด หรือเสี่ยงเจอรอยเลอะจากการถูกรองเท้าผ้าใบเหยียบโดยไม่ได้ตั้งใจได้ครับ

นอกจากจะเป็นตู้เก็บรองเท้าแล้วยังมีช่องไว้ให้สำหรับเก็บของได้อีก โดยเค้าออกแบบมาให้เก็บร่ม อุปกรณ์ หรือไม้อะไรที่ยาวๆ ได้อยู่ครับ หรือจะเอาไว้แขวนกระเป๋า ถุงผ้า หรือข้าวของเครื่องใช้อะไรก็ตามที่เราต้องใช้งานเป็นประจำ ก็เปิด-ปิด หยิบเข้า-ออก สะดวกมากๆ ครับ

ในส่วนของ Living room ก็ค่อนข้างมีพื้นที่ว่าง และดูโล่งพอสมควรนะครับ อาจเพราะเค้าเลือกใช้โต๊ะกลางที่มีขนาดเล็ก สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ซึ่งโต๊ะตรงนี้โครงการไม่ได้ให้มา ดังนั้นเลือกซื้อแบบที่ใช่ สีที่ชอบได้ตามใจเลยครับ จะได้ตัดสินใจได้เองด้วยว่าควรจะวางรูปแบบไหนให้ห้องดูไม่แน่นจนเกินไป

สำหรับโซฟาตัวยาวตัวนี้โครงการเตรียมไว้ให้แล้ว และมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่คิดมาเผื่อคนของเยอะ ฮ่าๆ เพราะด้านข้างบริเวณที่พักแขนสามารถเปิดขึ้นเพื่อเก็บของได้ ใส่ของเข้าไปได้แบบจุๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนิยายเล่มโปรด เอาไว้หยิบมาอ่านตอนกำลังนอนเอนหลังอย่างผ่อนคลาย , เก็บรีโมททีวี ที่จะได้ไม่ต้องมานั่งหาทุกครั้งที่ต้องการใช้ เพราะเราจะเก็บมันเข้าไว้ที่เดิมตลอด, ผ้าพันคอ หรือผ้าห่มผืนเล็กๆ เผื่อเวลาคุณแม่ หรือหลานๆ มาเยี่ยม ก็สามารถเปิดเอามาห่มผืนอุ่น มาห่มตอนดูหนังดู การ์ตูนได้ ฯลฯ

ชั้นวางทีวีตั้งไว้เข้าชุดกันกับตู้เก็บของที่เราเห็นเมื่อสักครู่ ด้านล่างเป็นลิ้นชัก สามารถเก็บสมุดหนังสือเล่มเล็กๆ ได้อีก หรือจะเอาไว้เก็บ Nintendo Switch พร้อมจอยครบชุด ให้เล่นกันทั้งครอบครัว ก็เก็บได้หมดครับ ส่วนด้านบนก็เป็นชั้นให้เอาไว้วางแผ่นผนังแผ่นเพลง กระเป๋าอุปกรณ์ต่างๆ ได้อีก

พื้นที่นี่ยังคงเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ตามมาตรฐาน ส่วนระยะความสูงเพดานจรดพื้นอยู่ที่ 2.4 เมตร และผนังจะได้แบบฉาบเรียบทาสีครับ

ชุดโต๊ะอาหารก็ได้มาแบบเข้ากันดีกับชุดของโซฟา เก้าอี้จะได้มาทั้งสองตัวเลยครับ มุมนี้ก็จะเอาไว้นั่งกินน้ำ กินขนม พักทานกับข้าวแสนอร่อยฝีมือคนรู้ใจให้อิ่มท้อง หายเหนื่อยกันไปเลย

พอมาถึงห้องนอนเค้าใช้ประตูบานเลื่อนแบบกระจก 2 ตอนในการกั้นแบ่งให้เป็นสัดเป็นส่วน เมื่อเราเลื่อนเปิดจนสุด ก็จะเดินเข้าออก เก็บของได้สะดวก หรือจะเลื่อนปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว ก็แล้วแต่การใช้งานได้เลยครับ

โครงการเตรียมฐานเตียงขนาด 6 ฟุตมาให้เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นแค่เตียงธรรมดา แต่ยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มเข้ามาเพื่อความสะดวกในการใช้สอยให้อีกเช่นกัน

ตัวอย่างเช่น ลิ้นชักที่อยู่ด้านล่าง คือเลื่อนปิดก็เป็นอย่างซ่อนของใช้ได้อย่างแนบเนียน เมื่อต้องการใช้ก็แค่เลื่อนออกมา ค่อนข้างหยิบจับ สะดวกทีเดียวครับ

อีกฝั่งนึงก็เจาะช่องไว้ให้ได้จับหนังสือใส่เข้าไป ไม่ว่าจะเล่มหนาเล่มบาง จัดเรียงเข้าไปได้ตามต้องการ หรือจะเอาไว้เก็บสายชาร์จโทรศัพท์, ปลั๊กสามตา, โลชั่นทามือ ที่ต้องใช้ประจำก็ได้ทั้งนั้นครับ

ความพิเศษของเตียงนอนที่นี่อีกอย่างก็คือ บริเวณหัวเตียงเค้าทำเป็นลักษณะสโลป เอนประมาณ 5 องศา เพื่อรองรับการใช้งานจริงในขณะพิงให้พอดี

ตอบสนองการใช้งานจริงของผู้คนยุคใหม่ ที่ทุกวินาทีมีค่า ไม่ว่าจะนั่งเช็คอีเมล์ก่อนนอน, เลื่อน Feed ดูข่าวสารอัพเดท หรือนั่งฝึกภาษาด้วยการดู Netflix วันละตอนทุกคืน …

ตรงนี้ก็จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายขึ้น ไม่ต้องปวดหลังกับหัวเตียงแข็งๆ คือเอาหมอนมารองคอนอนให้เมื่อยครับ

พื้นที่ยังเหลือๆ พอให้ได้วางโต๊ะทำงาน และเก้าอี้ได้อีก มุมนี้ก็รังสรรค์ให้กลายเป็นอีกหนึ่งมุมโปรดของห้องนี้ได้เลยครับ จะเลื่อนใช้โต๊ะที่มีขนาดใหญ่กว่าในห้องตัวอย่างก็สามารถทำได้นะครับ หรือจะเพิ่มชั้น, ลิ้นชักอีกสักตัวเล็กๆ ไว้ใกล้ๆ ก็ยังได้อยู่

เพราะข้อดีของการทำมุมนี้เป็นพื้นที่นั่งทำงานเลยคือ สำหรับห้อง 32 ตร.ม. เค้าจะได้กระจกเข้ามุมครับ ดังนั้นเราก็จะได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาแบบเต็มๆ รวมไปถึงวิวสวยๆ ที่จะได้เอาไว้มอง ตอนที่เราอยากพักสายตาเวลารู้สึกล้าด้วยครับ

ด้านข้างลองหาโต๊ะหัวเตียงมาวางเพิ่ม หรือโคมไฟตั้งพื้นสวยๆ มาไว้ก็ได้ครับ และถัดมาก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าที่โครงการบิวท์อินมาให้เรียบร้อยครับ ตู้นี้เค้าก็จะสูงจนสุดถึงเพดานเลย จะทำเป็นบานกระจกสีดำไว้ให้หนึ่งด้าน

ในตู้ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน ทั้งลิ้นชักและช่องใส่เนคไทของคุณผู้ชาย หรือช่องใส่เครื่องประดับของคุณผู้หญิงครับ

ด้านล่างยังมีชั้นสำหรับใส่ของกระจุกกระจิกที่ต้องมีไว้เป็นพร็อพเสริม หรือเครื่องประทินโฉมต่างๆ เพื่อความสวยใส ไร้ที่ติของคุณสาวๆ ครับ

จากนั้นพาข้ามไปดูอีกส่วนของห้องน้ำ และห้องครัวกันต่อ ซึ่งพื้นที่ว่างระหว่างสองห้องนี้เนี่ย เค้าก็ไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้โล่งๆ นะครับ โครงการจัดทำตู้เก็บเสื้อผ้า มาให้ไว้อีกตู้นึงเลย ซึ่งตัวนี้ก็มีความสูงจรดเพดานอีกเช่นกัน

ตรงนี้ก็จะเหมาะแก่การจัดการในส่วนของเสื้อผ้าต่างๆ ไว้ว่าจะเอาไว้แขวนชุดที่รีดเสร็จเรียบร้อยไว้ชั่วคราว ก่อนนำไปจัดเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าในห้องนอน, เอาไว้วางตะกร้าผ้าเล็กๆ หรือจะเอาไว้เก็บพวกอุปกรณ์ซักผ้าต่างๆ เช่น น้ำยารีดผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือผงซักฟอกก็ได้ครับ

ไม่ต้องไปหาซื้อตะกร้าผ้าเองให้มาวางขวางทางให้เกะกะทางเดิน ตรงนี้สามารถเปิดออกมาใส่ผ้าใช้แล้ว หรือผ้าซักเสร็จเรียบร้อยได้แบบสะดวกๆ เลย น่าจะถูกใจคุณแม่บ้านน่าดู แถมหน้าบานยังทำเป็นกระจกไว้ให้ด้วยนะครับ พอเราอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จยังพอมีอีกจุดหนึ่งให้ได้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านด้วย

สำหรับห้องน้ำ มีขนาดกำลังดี เดินเข้าออกสบายไม่แคบมากครับ พื้นผิวเป็นกระเบื้อง โทนสีอุ่นๆ ละมุนๆ แบบนี้เลย มีฉากกั้นอาบน้ำให้เรียบร้อย แถมมี Rain Shower และเจาะช่องสำหรับเอาไว้วางแชมพู ครีมนวด ให้ได้หยิบใช้ใกล้ๆ มือด้วย

ถัดมาที่ห้องครัว ซึ่งโครงการนี้เค้าให้แบบครัวปิดทุกยูนิตเลยนะครับ จึงหมดห่วงเรื่องกลิ่นนี่จะเข้ามากระทบกับพื้นที่การใช้งานส่วนอื่นๆ ซึ่งห้องนี้ครัวอยู่ติดกับระเบียงอีกด้วย ดังนั้นก็เปิด ปิด ระบายอากาศได้ทุกเมื่อตามต้องการเลย

เคาน์เตอร์ครัวเราก็จะได้มาครบชุดแบบนี้เลย เตาไฟฟ้าที่ได้จะเป็นแบบ 2 หัว จะได้ฮูดดูควันแบบดูดออกด้านนอกมาด้วย Back Splash (Glass Coat)  เตรียมมาให้เช่นกันครับ จะได้เช็คล้างทำความสะอาดกันง่ายๆ … ทำอาหารก็ว่าเหนื่อยแล้ว ยังต้องมาเช็คล้างครัวจนหมดแรงอีก มันก็ไม่ไหวทุกครั้งไปจริงมั้ยครับ

มีราวแขวนตะหลิว ทัพพี ฝาชี มีด กรรไกร อะไรไว้ให้เรียบร้อย ไม่ต้องไปหาซื้อมาติดเพิ่มเลย

และตรงนี้ที่คุณน้องแว่นแกชอบมากคือ ครัวเค้าคิดมาเผื่อคนตัวเล็กๆ หรือใครที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้พื้นที่ครัว หรือชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ เพราะด้านบนสามารถดึงลงมาใช้งานได้ง่ายๆ ไม่ใช่เป็นแค่ตู้เก็บจานชามทั่วไปครับ

ผมแปะ Unit Plan สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom มาให้ดู ตามนี้เลยครับ ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 27.5-32 ตร.ม. จุดเด่นคือ ทุกยูนิตมีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นและรับประทานอาหาร แยกกันกับครัวที่เป็นสัดเป็นส่วน ในห้องนอนจัดวางเฟอร์นิเจอร์ทั้งตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน และเตียงขนาด King Size แถมห้องขนาด 32 ตร.ม. ยังได้พื้นที่เพิ่ม ที่เหมาะกับการวางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานอีกด้วย

ถัดมาครับ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35.5 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้ก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุอุปกรณ์พื้นฐานเช่นเดียวกับห้องแรกเลยครับ แต่จะมีความแตกต่างจากห้องแรกหน่อยตรงที่ปรับให้ส่วนครัวมาไว้ด้านหน้า แล้วมีพื้นที่ Living Room กับส่วนของห้องนอนแยกออกจากกันชัดเจน จึงทำให้พื้นที่ใช้สอยแต่ละส่วนดูกว้างมากขึ้น

ลองดู Unit Plan ประกอบได้เลยครับ แบบ 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 35.5 – 36.5 ตร.ม. ห้องนี้จะเพิ่มพื้นที่ประโยชน์ใช้สอยให้มากขึ้น ด้วยการที่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา และจัดวางเตียงแบบ Daybed เอาไว้ให้ ซึ่งตรงนี้เราก็สามารถปรับใช้เป็นได้ทั้งพื้นที่พักผ่อนเพิ่มเติมจากห้องนอนหลัก หรือจะปรับไปเป็นพื้นที่ทำงานก็ได้ โดยห้องนี้จะมีพื้นที่ Living Area กว้างขวาง ตอบฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งนั่งเล่นและรับประทานอาหารอยู่ด้วยกันติดกับฝั่งระเบียง และย้ายครัวไปทางด้านหน้าห้องแทน ซึ่งก็ยังเป็นครัวปิดอีกเช่นกันครับ

อ่ะ อย่างที่บอกว่าเมื่อเข้ามาถึงก็จะเจอกับครัว ซึ่งก็จะได้เป็นครัวปิดเช่นเดียวกันครับ ชุดครัวและส่วนของ Laundry จะถูกรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกันตรงนี้เลย ก็เรียกได้ว่าเมื่อพร้อมจะเข้าครัว หรือทำงานบ้าน ก็มาง่วนอยู่ตรงพื้นที่นี้ได้เลย ไม่ต้องรบกวนแขกหรือคนสำคัญของเราที่กำลังพักผ่อนอย่างสบายด้านในห้องครับ

ชุดโต๊ะอาหารถูกจัดวางไว้ด้านใน พื้นที่มีเหลือเฟือพอให้เพิ่มเก้าอี้ หรือขยับขยายโต๊ะที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ครับ

ในส่วนของห้องนั่งเล่นก็อยู่กันได้แบบสบายๆ มีมุมสำหรับวางทีวี และโซฟาถูกจัดวางไว้ได้แบบลงตัว แถมยังอยู่ติดกับระเบียบงด้วยครับ ทำให้สามารถเปิดม่าน เปิดประตู ให้ห้องดูโล่งกว้าง รับลม รับแสงกันได้อย่างเต็มที่ ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเลย

 

เราจะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งห้อง ซึ่งก็สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ จะทำเป็นห้องทำงาน, ห้องสำหรับถ่ายภาพสินค้า, เอาไว้ Live สดแต่งหน้าสวยๆ แบบ Beauty Blogger ก็ได้เลยครับ

โครงการให้ Daybed มาแล้วด้วย ดังนั้นใครที่มีแผนจะขยับขยายครอบครัว ห้องนี้จองไว้ให้ลูกสาว ลูกชายตัวน้อยของคุณได้เลยครับ

ห้องน้ำอยู่ด้านในห้องนอน ก็จะสะดวกต่อการใช้งานในยามกลางค่ำกลางคืน แต่งหน้า แต่งตัว ก็สวยเสร็จจบในห้องเดียวเลยครับ

 

จากนั้นขอเพิ่มเติมในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางอีกสักเล็กน้อย ตรงนี้เป็นพื้นที่ Pavilion Pool Area บริเวณชั้น 2  พื้นที่สำหรับพักผ่อน ให้ลูกบ้านออกมานั่งเปลี่ยนบรรยากาศ เอนหลัง เอาเท้าจุ่มน้ำ นอนรับลมไปกับอากาศยามเย็นได้แบบเพลินๆ และมีการแยกโซน Cozy Kid’s Pool หรือสระเด็กให้ด้วยครับ

พร้อมกับ Active Gym และพื้นที่สำหรับเล่นโยคะ สำหรับปั้นหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม พร้อมวิวสระว่ายน้ำสวยๆ กันได้ทุกวัน

เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับล็อบบี้ (Stylish Lobby) พื้นที่สำหรับเพื่อนๆ หรือแขกที่แวะมาเยี่ยมเยียน สามารถนั่งรอ นั่งพูดคุยกันตรงนี้ได้แบบสบายๆ และยังมี Co-Living Space พื้นที่สำหรับทำงาน หรือมุมที่ยืดหยุ่นต่อการคิดงานได้ในทุกช่วงเวลาครับ

 

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับภาพห้องตัวอย่างที่ Living Sneak Peek นำมาฝากทุกคนในวันนี้ โครงการเค้าคิด และออกแบบมาเพื่อการอยู่อาศัย การใช้งาน และความสะดวกสบายจริงๆ ครับ เพื่อให้ผู้หญิงอยู่สบาย ผู้ชายก็แฮปปี้ตามไปด้วย ซึ่งโครงการนี้ผมชอบตรงที่เค้าให้เฟอร์นิเจอร์บวกกับฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ในแต่ละชิ้นมาเป็นอย่างดี คือคิดมาแล้วว่าคนอยู่จะต้องได้ใช้ และจะต้องช่วยอำนวยความสะดวกได้จริงๆ กับพื้นที่อยู่อาศัยที่มีความโมเดิร์น ผสมผสานกับกลิ่นอายของกรุงเก่าย่านอิสรภาพ การเดินทางง่ายดายด้วยรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ ในระยะ 200 เมตร ในราคาเริ่มต้น 2.49* ลบ. ใครที่ดูแล้วรู้สึกถูกใจก็อย่าลืมแวะเข้าไปดูด้วยตาตัวเองก่อนตัดสินใจกันนะครับ

แต่ถ้าจะคลิกที่นี่เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 200,000* บาท ก่อนใครก็กดตรงนี้ได้เลย >> http://bit.ly/381uVnx