ศุภาลัย ปาร์ค แยกไฟฉาย… จัดเต็มสวนใหญ่ ราคาโดนใจ ใกล้ศิริราช

คำพูดที่ว่า “เวลาคือสิ่งมีค่าที่สุด” นั้นยังคงเป็นวลีที่ยากจะปฏิเสธได้ เพราะเวลาคือตัวกำหนดทุกสิ่งอย่างที่เป็นไปของทุกชีวิต กี่นาทีที่เราใช้ไปกับกิจวัตรประจำวัน ตั้งแต่เช้าลืมตา อ้าปาก ทานข้าว ก้าวขาออกจากบ้าน ทำงาน กลับบ้านพักผ่อน…เรียกได้ว่าลูปชีวิตในแต่ละวัน จะช้าหรือจะเร็วก็ขึ้นอยู่กับเวลา ยิ่งเรามีชีวิตที่เร่งรีบมากเท่าไหร่ เวลาก็กลายเป็นสิ่งมีค่าเพิ่มมากไปเท่านั้น จนต้องหาสิ่งของและเทคโนโลยีมาช่วยทุ่นแรง ทุ่นเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่อาศัยที่สะดวกก็ไม่ต่างกันครับ เพราะช่วยลดเวลาในการเดินทางเพื่อเอาเวลานั้นมาใช้เติมความสุขให้กับชีวิตเราของเรานั่นเอง

” คอนโด ที่เพิ่มเวลาการใช้ชีวิตให้กับคุณ “

ที่เปิดหัวเรื่องเวลานี่ เพราะ Living Sneak Peek จะพาไปชมโครงการใหม่ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “คอนโดฯ ที่เพิ่มเวลาการใช้ชีวิตให้กับคุณ” เพราะเดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และอยู่ในทำเลที่คุ้นเคยท่ามกลางชุมชนย่านจรัญสนิทวงศ์ ไม่กี่อึดใจจากโรงพยาบาลศิริราช นั่นก็คือ “Supalai Park สถานีแยกไฟฉาย” นั่นเองครับ ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยจรัญฯ 28/2 (เข้าซอยไปนิดเดียวประมาณ 90 ม.) บริเวณแยกไฟฉาย ท่ามกลางชุมชนดั้งเดิมโดยรอบ  ซึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องเพราะของกินเพียบ ตามสไตล์ Street Food ทั้งแบบรถเข็นและมีหน้าร้านในตึกแถว ถ้าอยากเดินหาอะไรใส่ท้องเพลินๆ ก็เชิญโซนวังหลัง หรือท่ามหาราชก็ได้ แต่ถ้าชอบสะอาดคลีนๆ แบบซื้อวัตถุดิบมาทำเอง ก็มีตลาดสดทั้งแบบ Original อย่างตลาดบางขุนศรี หรือจะช็อปแบบ Hypermart ก็มีทั้ง Makro, Tesco Lotus ในระยะเดินทางไม่ถึง 10 นาที เขยิบไปอีกหน่อยแถวปิ่นเกล้าก็มีห้างร้านมากมายให้จับจ่ายซื้อของ โดยมีเซ็นทรัลปิ่นเกล้าชูโรง ซึ่งนอกจากเป็นแหล่งช้อปสำคัญแล้ว ก็ยังมีคิวรถตู้สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไกลๆ อีกด้วย และที่สำคัญคือเราได้อยู่ใกล้โรงพยาบาลดีๆ อย่างศิริราช และรพ.ธนบุรี สบายใจได้ในยามเจ็บและยามแก่ (ซึ่งอีกนานเนอะ ฮ่าๆ)

มาเรื่องของการเดินทางกันบ้าง อยู่ในทำเลนี้ขึ้นชื่อเรื่องรถที่หนาแน่นมานานครับ ส่วนใหญ่ก็มีศูนย์กลางที่ศิริราช กับการทำถนนเพื่อรองรับระบบขนส่งสาธารณะนี่แหละ ใครจะมาศิริราชส่วนใหญ่ต้องให้ญาติพามาส่งหรือไม่ก็นั่งรถสาธารณะมาเอง เพราะหาที่จอดยากมาก เช่นเดียวกับเวลาเราจะไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลก็เหมือนกันที่ต้องวางแผนเรื่องการเดินทาง แต่ที่นี่ทำให้เราไปโรงพยาบาลกันสะดวกขึ้นอีกมาก แถมตั้งอยู่ใกล้กับ MRT สายสีน้ำเงิน สถานีแยกไฟฉาย เพียง 330 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบาย และจริงๆ แล้วอีกไม่นานศิริราชก็จะมีอาคารใหม่ที่มีรถไฟฟ้าวิ่งเข้าใต้ตึกกัน 2 สายเลยทีเดียว โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายตลิ่งชัน-ศิริราชที่จะทำให้นี่เป็นสถานีแรกที่เชื่อมต่อการเดินทางและการรักษาพยาบาลเข้าด้วยกัน สำหรับคอนโดนี้ซึ่งอยู่สถานีแยกไฟฉายก็ไปใช้เส้นนี้ได้ที่สถานีบางขุนนนท์ถัดไปสถานีเดียว แถมสายสีน้ำเงินหน้าบ้านก็ใกล้จะได้ใช้งานกันอย่างสมบูรณ์ครบทุกสถานีปีหน้านี้แล้วครับ

นอกเหนือจากเรื่องการเดินทาง สิ่งที่โครงการเข้ามาเติมเต็มทำเลนี้ที่เต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ ก็คือเรื่องของธรรมชาตินี่แหละครับ ที่นี่จะมีสวนและพื้นที่สีเขียวกระจายไปทั่วโครงการ ไม่ว่าจะสวนด้านล่าง สวนระหว่างอาคาร สวนแนวตั้ง สวนอยู่บนแต่ละชั้นของตึก แถมมีบน Rooftop อีกต่างหาก รวมพื้นที่สีเขียวมากกว่า  2 ไร่ เป็นพื้นที่ที่ทำให้เราสามารถใช้เวลาพักผ่อนหลบหนีความวุ่นวายจากภายนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งพรรณไม้ให้กลืนไปกับตัวอาคาร แบบผนัง Green Wall มีสวนขนาดใหญ่ที่เป็นได้ทั้งพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่ออกกำลังกายได้อย่าง Backyard Garden Playground ชั้นบนสุดก็มี Roof Garden  เรียกได้ว่ามีปอดให้คนในโครงการเพียงพอเลยครับ 

ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย

มาถึงภาพรวมโครงการกันบ้าง ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย มีทั้งหมด 2 อาคาร สูง 22 ชั้น รวมจำนวนห้องชุดพักอาศัยทั้งหมด 726 ยูนิต (Tower A  จำนวน 374 ยูนิต และ Tower B จำนวน 352 ยูนิต) การออกแบบโครงการล่าสุดนี้ก็ดูโมเดิร์นขึ้นกว่าตัวเดิมนะ แบบห้องเริ่มตั้งแต่ Studio ขนาด 29.5 –  31 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 34 – 43 ตร.ม., ห้องชุด 1 Bedroom Plusขนาด 44.5 – 45 ตร.ม. และ 2 Bedrooms ขนาด 64.5 – 74.5 ตร.ม. ครับ 

ในส่วนของ Facilities โครงการนี้จัดวางตำแหน่งไว้ดีกว่าเดิมมาก คือเอาขึ้นไปอยู่ชั้น Rooftop มีทั้ง Infinity Edge Swimming Pool & Jacuzzi และ Fitness & Sauna Sky Lounge กระจายกันอยู่บนตำแหน่งสูงสุดของทั้ง 2 อาคาร แต่ลูกบ้านสามารถเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมดด้วย Sky Walk แบบข้ามไปมาในความสูงชั้น 22 กันไปเลย และยังเป็นโครงการที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตในปัจจุบันของลูกบ้านที่ใส่ EV Charger และ Smart Locker มาให้ด้วย ยังไม่พอนะ นี่เป็นศุภาลัย ปาร์คที่แถม Digital Door Lock และระบบ Home Automation มาให้อีกด้วย สำหรับแบรนด์อื่นอาจจะเฉยๆ แต่สำหรับแบรนด์นี้ผมว่านี่เปิดศักราชใหม่มากๆ ฮ่าๆ

แต่ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับแว่นก็คือ ทั้งหมดนี้เนี่ย ราคาเริ่ม 2.03 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 69,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้นนะครับ สมกับจุดแข็งศุภาลัยมากๆ คือเป็นเจ้าที่ราคาสมเหตุสมผล ค่อนไปทางเป็นราคาในอดีตแต่ทำเลอนาคต ส่วนตัวแว่นนะการจะหาที่อยู่ในปัจจุบันเนี่ยเรามีโครงการให้เลือกมากมาย เห็นมาเยอะกับดีไซน์ล้ำสมัย มีความแฟชั่นนิสต้า แต่ราคาเริ่มต้นที่เค้าบอกเรามาได้แต่ห้องไซส์จิ๋ว เล็กสุดเดี๋ยวนี้ก็ไปจนถึง 21-22 ตร.ม.กันแล้ว แต่การใช้ชีวิตอยู่ให้มันสบายๆ มันไม่ได้ต้องการความเร้าใจตลอดเวลา แต่ Space หรือพื้นที่ภายในห้องนี่แหละที่ทำให้ใช้ชีวิตอยู่ได้จริงๆ พอมาเห็นห้องที่นี่ขนาดเล็กเล็กสุด 29.5 ตร.ม. นี่ยังเป็น Studio อยู่เลยนะ มันมีพื้นที่กว้างขวางและ Practical มากๆ ในราคานี้และทำเลที่แน่นอนว่าไม่ใช่ในกรุงเทพชั้นใน แต่ถ้าใครอยากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้โรงพยาบาลที่ดี มีชุมชนและของกิน แหล่งช้อปปิ้งในระยะใกล้ๆ ที่นี่ก็น่าสนใจมากแห่งนึงเลยครับ โครงการเปิดจองครั้งแรก วันที่ 20-21 ก.ค. นี้นะ แฟนเพจ Living Sneak Peek ที่สนใจก็คลิกลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษกันได้ที่นี่เช่นเคยครับ >>  http://bit.ly/2XTaHX2

โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการของศุภาลัย ที่แต่งห้องตัวอย่างได้สวยมาก เดี๋ยวทุกคนจะได้เห็นด้วยภาพว่าเป็นยังไง สิ่งที่แว่นชอบก็มีทั้ง Layout ที่จัดได้ลงตัว โดยเฉพาะแบบ 2 Bed มีห้องนอน Master ซึ่งได้กระจกเยอะหลายมุมหลายช่องมาก และสิ่งเล็กๆ ที่ศุภาลัยทำไว้ให้และเรารู้สึกว่าดีงามก็คือตำแหน่งเสียบปลั๊กไฟ ที่จัดไว้เยอะมาก กระจายอยู่ทั่วห้อง ตรงครัวมี 4 ช่องเสียบอะคิดดู คือไปตรงไหนก็ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ ไม่ต้องหารางปลั๊กมาเสียบต่อให้วุ่นวาย โครงการเค้าขาย 2 แบบนะ จะเอาแบบเฟอร์นิเจอร์ครบชุด หรือเลือกรับเป็นส่วนลดแทนก็ได้ ก็ยืดหยุ่นสำหรับลูกค้าดีเหมือนกัน เอาละ ไม่โม้ตรงนี้เยอะ เข้าไปชมห้องตัวอย่างพร้อมๆ กันเลยครับ

#LivingSneakPeek 
#SupalaiParkYaekfaichaiStation
#Sulapai

ศุภาลัย ปาร์ค แยกไฟฉาย

นี่ไม่ใช่ภาพจากห้องเสื้อจากแบรนด์ดังแต่อย่างใด แต่เป็นภาพห้องตัวอย่างโครงการศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย ที่ผมจะพาทุกคนมายลโฉมกันในวันนี้ครับ

หลายคนคงจะมีโอกาสได้เข้าไปชมกันบ้างแล้ว ซึ่งผมเชื่อเลยว่าถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงที่ตามดูห้องตัวอย่างและสนใจในโครงการของศุภาลัยมาตลอด จะต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งดีไซน์ การออกแบบ และการตกแต่งโครงการ หรือแม้แต่ห้องตัวอย่าง ที่เปลี่ยนไป เพราะเปิดตัวมาคราวนี้ห้องตัวอย่างสวยมากกกก (กอไก่ล้านตัว) คือดูดีมีสไตล์ขึ้นเยอะเลยครับ ทั้งการจัดวาง Lay Out และการตกแต่งให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตจริง โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ของใช้ต่างๆ ถูกจัดวางให้เห็นภาพการอยู่อาศัยที่ชัดขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็น First Impression ที่ดี ที่จะช่วยให้การตัดสินใจของเราง่ายมากขึ้นด้วยนะครับ

และผมก็มีห้องตัวอย่างสวยๆ มาให้ได้ดูกันอีกเช่นเคย มากัน 2 Type ด้วยกันครับวันนี้ ขอเริ่มที่แบบ 2 ห้องนอน ซึ่งเป็น Type ใหญ่สุดของโครงการ เป็นห้องแบบหน้ากว้าง มีขนาด 64.5 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำและได้ครัวปิดด้วยครับ

อันที่จริงโครงการขายแบบ Fully Fitted เป็นมาตรฐาน นั่นก็หมายความว่าเราจะได้อุปกรณ์เครื่องใช้บางส่วนที่โครงการเค้า Built-in มาให้แล้วเรียบร้อย ซึ่งสิ่งที่จะได้ภายในห้องนี้ ก็จะมี ชุดครัว Wallpaper แอร์ (ห้องนี้ได้ทั้งหมด 3 เครื่อง) ห้องน้ำที่มีทั้งฉากกั้นและเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งมาให้แล้ว ประตูแบบ Digital Door Lock และ Home Automation ที่จะเข้ามาช่วยควบคุมระบบไฟ และแอร์ภายในห้องด้วยครับ แต่เราก็สามารถเลือกรับเฟอร์นิเจอร์แบบครบเซ็ตได้เหมือนกันถ้าไม่อยากเสียเวลาแต่งห้องเยอะ ส่วนใครชอบจัดแจงเองก็เลือกรับเป็นส่วนลดแทนไปครับ

มาดูกันทีละส่วน เริ่มจากห้องครัวที่มีประตูกระจกบานเลื่อนมาให้ จะได้เอาไว้เปิดปิดตามความหอมของกลิ่นเมนูอาหารแต่ละมื้อ ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นแบ่งแยกการใช้งานในแต่ละห้องชัดเจนดีครับ คือถึงเวลาต้องเข้าครัว ก็ละเลงกันไปได้ตามอัธยาศัย จะหั่นผัก จะผัดหมู ก็ทำอยู่ในครัวให้เสร็จสรรพไปเลย ทีนี้จะเช็คล้างทำความสะอาดก็จะง่าย และเบาลงเยอะครับ

ห้องครัว

สำหรับเคาน์เตอร์ครัวก็จะได้แบบนี้ ทั้งสีสันและลวดลายครับ มีการเดินระบบท่อดูดควันไว้ให้เรียบร้อยแล้วฮะ สามารถไปไล่อ่านรีวิวแล้วเลือกยี่ห้อที่ถูกใจมาติดตั้งเตรียมใช้งานในวันขึ้นห้องใหม่กันได้เลย

พื้นครัวจะได้เป็นพื้นกระเบื้อง ส่วนผนังก็จะได้เป็น Wallpaper แบบเดียวกับในห้องครับ พื้นที่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์ก็สามารถจัดวางตู้เย็น และเครื่องซักผ้าได้ ถ้าอยากได้ตู้หรือชั้นวางของเพิ่มก็ติดไว้ด้านบนได้อีก หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ Copy ห้องตัวอย่างเค้ามาได้เลยฮะ ทำมาลงตัวพอดีเป๊ะ ฮ่าๆ

ฝั่งด้านนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับทานข้าวที่มีเพียงพอให้ชวนอากง อากู๋ อาม่า อาอี๊ มารวมตัวกันเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ลูกหลานฟัง ซึ่งบริเวณนี้จัดว่ากว้างพอสมควร ลุกเสิร์ฟลุกเก็บ เดินสวนกันไปมาได้สบายๆ ส่วนบริเวณทางเข้าห้องนี่ห้องตัวอย่างเค้าลองบิวท์ทำเป็นชั้นหนังสือเก๋ๆ มาให้ดู ก็ช่วยลดทอนความเรียบของผนังส่วนนี้ไปได้ และได้ใช้พื้นที่ที่กว้างขวางนี้ให้เติมเต็มประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น แต่ถ้าอยากทำตู้เก็บของหรือชั้นวางรองเท้าฝั่งหน้าห้องครัวก็ยังมีพื้นที่เหลือๆ นะ

โซฟาจะเลือกแบบเป็นตัว L ก็ยังได้นะครับ จะได้มีที่นั่งเหมาะๆ ไว้นอนยืดแข้งขาตอนดูกาสะลองกับซองปีป

ห้องน้ำ

ห้องน้ำจะมีอยู่ด้านนอก 1 ห้องครับ ซึ่งก็แน่นอนว่าห้องนี้เป็นห้องน้ำที่แขกสามารถใช้ได้ ใครมาเที่ยวเล่น มาเยี่ยมเราก็ให้เค้าใช้ห้องนี้ได้โดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวในห้องนอนเรา หรือถ้ามีเพื่อนมานอนค้างคืนด้วยก็ยิ่งสะดวกใหญ่ เพราะห้องน้ำนี้เค้าทำส่วนสำหรับอาบน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วย ส่วนใครที่อยู่ห้องนอนเล็กห้องนี้ ก็สามารถออกมาใช้ได้ใกล้ๆ ไม่ต้องเดินคลำหาไฟในที่มืดให้วุ่นวาย เพราะอยู่ห้องใกล้ๆ กันแค่นี้เอง

สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นของ COTTO จัดวางแยกการใช้งานส่วนเปียกและแห้งซึ่งกั้นแบ่งด้วยกระจกอาบน้ำครับ

ห้องนอน

มาต่อกันที่ห้องนอนเล็กครับ ห้องนี้ทางโครงการเค้าจัดพื้นที่เข้ามุมไว้ให้ใส่ Sofa Bed ได้ด้วย ก็จะช่วยให้เราสามารถทำกิจกรรมในห้องได้เพิ่มมากขึ้นนอกเหนือจากการนอน อย่างเช่นเอาไว้เป็นมุมนั่งทำงานเล็กๆ หรือจะนั่งเอนหลังนั่งชิวๆ เปิดตำราอ่านหนังสือเตรียมตัวเป็นคุณหมอ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ

จัดวางตู้เสื้อผ้าเข้าไปได้ครับห้องนี้ ไม่ต้องกลัวจะอึดอัด แต่แนะนำให้เลือกเป็นตู้แบบที่หน้าบานเป็นบานเลื่อน จะได้ช่วยประหยัดพื้นที่และสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้นครับ

ถึงจะเป็นห้องนอนเล็กแต่ก็ไม่ต้องน้อยใจไป ถ้าอยากมี TV ดูกับเขาอีกสักเครื่อง ก็แค่ติดขึ้นผนังเอา จะนอนดูก็สบาย เดินเข้าออกก็ง่ายไม่มีปัญหาครับ ได้ทั้งมุมนอนพักผ่อน และมุมเอนกายสบายๆ เป็นห้องนอนที่ครบเครื่องแล้วล่ะ

ห้องนอน Master

ส่วนห้องนอน Master ก็จะอยู่ตรงข้ามกัน โดยมีพื้นที่ common area เชื่อมอยู่ตรงกลาง ก็จะเห็นว่าเราสามารถเลือกใช้พื้นที่ร่วมกันในห้องนั่งเล่นกับสมาชิกในบ้าน หรือจะแยกย้ายกลับเข้าพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองก็สามารถทำได้ แว่นว่ามันลงตัวนะ สำหรับการเดินมาหากันตรงกลางเพื่อพูดคุยใช้เวลาด้วยกัน และแยกย้ายไปอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันที่มีระยะออกจากกันหน่อย

ห้องนี้ได้กระจกเข้ามุมทั้งสองด้านของหัวเตียงเลยนะครับ แค่เปิดม่านก็รับแสงเข้าห้องได้แล้ว รวมไปถึงพื้นที่ริมกระจกที่สามารถจัดโต๊ะทำงานให้เข้ามุมได้แบบพอดี และแสงก็ผ่านเข้าห้องมาจากทางนี้ได้อีก ทำให้ห้องนอนแสนสุขของเราดูโล่งตา สบายใจ น่ากระโจนใส่เตียงเป็นที่สุดครับ

ถัดมาจะเป็นมุมสำคัญที่เหมาะจะจัดวางอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ นั่นก็คือโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า เพราะจะทำให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น

กระจกที่ว่าเยอะยังไม่หมดแค่นี้ครับ ด้านข้างของโต๊ะเครื่องแป้งตรงนี้เค้าทำเป็นช่องแสง ที่มาพร้อมบานกระทุ้ง ทำให้เปิดออกเพื่อระบายให้อากาศในห้องถ่ายเทได้มากขึ้น และยังเป็นอีกช่องที่ให้แสงผ่านเข้ามาได้ด้วย เวลาแต่งหน้าหรือถ่ายรูปที่ได้แสงธรรมชาติเข้าช่วย จะได้ออกมาสวย ไม่ผิดเบอร์ ไม่พึ่งแอพ ห้องนี้เนี่ยเต็มไปด้วยช่องกระจกมากมายเหลือเกิน

ยังครับ ยังไม่พอ ในห้องน้ำยังคงมีกระจกบานกระทุ้งไว้ให้ระบายอากาศอีกจุดนึง ก็จะช่วยลดเรื่องกลิ่นอับที่ชอบเกิดขึ้นในห้องน้ำได้ด้วย ใครชอบห้องน้ำที่อากาศระบาย ถ่ายเทดีๆ ก็น่าจะถูกใจนะครับ และส่วนประกอบอื่นๆ ภายในห้องน้ำก็จะได้เช่นเดียวกับห้องน้ำด้านนอกเลยครับ

ตบท้ายด้วยปลั๊กไฟในห้องที่เค้าให้มาแบบเหลือเฟือมาก ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอยู่ส่วนบริเวณไหน เกิดแบตเตอรี่หมด หรือต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าก็สามารถเสียบชาร์จได้ทันท้วงทีเลยครับ เหมาะกับยุค 4.0 แบบนี้เป็นที่สุด แถมตรงครัวจัดให้ 4 ช่องกันไปเลย

สรุปภาพรวมของห้อง 2 Bedroom ขนาด 64.5 ตาราเมตร

ห้องนี้ เรียกได้ว่าเหมาะกับใครที่อยากจะอยู่กับครอบครัวแบบพร้อมหน้าตาเพราะนอกจากจะได้ครัวปิดสำหรับการทำอาหารมื้อใหญ่ หม้อไฟลุกแล้ว ห้องนอนทั้งสองห้องก็จัดพื้นที่มาให้อยู่ได้สบายๆ จัดมุมทำงาน มุมอ่านหนังสือไว้ให้แบบส่วนตัวๆ ด้านในด้วย ได้ห้องอาบน้ำ 2 ห้อง พื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องทานข้าวก็กว้างขวาง เพียงพอให้สมาชิกในบ้านได้ออกมาใช้เวลาร่วมกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งห้องนี้ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 4.22 – 5.31 ล้านบาท มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 64.5-74.5 ตารางเมตร ครับ

ถัดมาเป็นอีกหนึ่งห้องสวยๆ แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 41.5 ตารางเมตรครับ ห้องนี้ก็จะได้ครัวปิดเช่นเดียวกัน ส่วนบริเวณห้องนอนมีประตูบานเลื่อนสำหรับกั้นแบ่งพื้นที่กับห้องนั่งเล่นให้แยกส่วนกันชัดเจนขึ้น หรือจะเปิดออกโล่งๆ ห้องนี้ก็จะดูกว้างขึ้นไปอีกครับ

เมื่อเข้ามาด้านในก็จัดสรรเอาได้เลยว่าด้านซ้ายจะบิวท์ตู้รองเท้าหรือชั้นวางของในลักษณะไหน จากนั้นก็จะเป็นส่วนของผนังที่เอาไว้ติด TV หรือจับชั้นวาง TV ใส่เข้าไป จะได้มีตู้ มีชั้นให้เก็บของมากขึ้นครับ

ห้องน้ำก็ได้ตามนี้เลย โครงการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้เรียบร้อยครับ

ส่วนด้านนี้จะเอาไว้จัดเป็นพื้นที่ทานข้าว และมุมพักผ่อน ให้ได้หย่อนตัวลงนั่งทานส้มตำยุพินเจ้าอร่อย หรือทิ้งตัวลงค่อยๆ เพื่อพักให้หายเหนื่อยครับ

พื้นที่โล่ง เดินสะดวก จัดสรรเฟอร์นิเจอร์ใส่เพิ่มเติมได้สบายๆ ครับ

มีประตูสำหรับกั้นแบ่งห้องให้แยกส่วนกันชัดเจน ซึ่งถ้าปิดประตูเผื่อสร้างความเป็นส่วนตัว ก็ยังไม่ได้ทำให้ห้องดูอึดอัดจนเกินไปด้วยครับ

ห้องนี้ให้ใส่เตียง King Size เข้าไป จะได้นอนกันได้แบบสบายๆ ด้านซ้ายจัดไว้เป็นมุมสำหรับเสริมสวย ด้านขวาสามารถจัดวางโต๊ะหัวเตียงหรือจะตั้งโคมไฟทรงเก๋ก็เท่ไม่เบาครับ

บริเวณปลายเตียงเดินได้ไม่อึดอัดเช่นกัน ติดตั้ง TV แบบติดผนังเข้าไปให้พื้นที่การใช้งานภายในห้องสะดวกขึ้น และสามารถวางตู้เสื้อผ้าที่มีหน้าบานแบบเปิดได้ด้วยครับ ตรงนี้มีที่พอให้ให้เปิดเปิดกว้างๆ ได้ ส่วนกระจกที่ได้เค้าใช้แบบสีเขียวตัดแสง จะได้ช่วยลดเรื่องของความร้อนที่จะเข้ามาทำให้ห้องร้อนระอุ ในหลายช่วงส่วนใหญ่ของประเทศไทยด้วยฮะ 

ห้องครัว

ครัวปิดจะไปอยู่ด้านในๆ เลยครับ มีประตูบานเลื่อนแบบรางบน ทำให้การเดินเข้าออกสะดวกขึ้น แถมไม่ต้องมามัวกังวลเรื่องฝุ่นที่ชอบเข้าไปติดอยู่ตามรางประตูด้วย หน้าบานเค้าเป็นกระจกก็ไม่ทำให้ห้องทึบลงนะ

ห้องครัวติดอากาศแบบนี้ คนอยู่คอนโดที่รักการทำกับข้าวก็จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กัน เพราะมันจะสะดวกเรื่องการเปิดให้ลมโฟลวเวลาโชว์ฝีมือสุดยอดเชฟกระทะเหล็ก ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เราก็สามารถเลียนแบบที่เค้าแต่งมาให้ได้ด้วยเช่นกันครับ เพราะแต่งมาได้ Match ดีแล้วล่ะ คือเพิ่มตู้เก็บของด้านบน แล้วจัดที่ทางเอาไว้วางเครื่องซักผ้าตรงนี้ จะเปิดหยิบน้ำยา หรือแปรงขัดอะไรก็จะง่ายขึ้นเยอะ

สรุป ภาพรวมห้อง 1 Bedroom ขนาด 41.5 ตารางเมตร 

ซึ่งถึงจะมี 1 ห้องนอน แต่มันเหมาะสำหรับคนที่รักการมีพื้นที่กว้างๆ สำหรับอยู่อาศัยครับ จะเก็บของ จะบิวท์ต่อเติมมันก็ง่ายเมื่อเรามีพื้นที่ให้ใช้งาน ห้องนี้ก็เหมาะกับใครที่กำลังจะเริ่มต้นสร้างครอบครัว หรืออยากซื้อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้คุณภรรยาคนสวย เพราะอยู่กันสองคนกำลังสบายครับ ครัวก็ได้แบบปิด จะเช็ดล้างทำความสะอาดก็ง่าย ห้องนอนก็แบ่งออกจากห้องดูหนัง หรือพื้นที่นั่งทำงาน การทำกิจกรรมต่างๆ ของแต่ละคนก็จะไม่รบกวนกัน >> สำหรับห้อง 1 Bedroom นี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.48 – 3.31 ล้านบาท โดยจะมีขนาดตั้งแต่ 34 ไปจนถึง 43 ตารางเมตรครับ

ตรงนี้ก็เป็นภาพพื้นที่ส่วนกลางที่ศุภาลัยปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย อย่างแพทเพิร์นแบบก้างปลาที่ใช้ปูพื้นฟิตเนส หรือเส้นสายบนเพดาน รวมไปถึงลวดลายหินที่ใช้ตกแต่งล็อบบี้และ Lounge นี่ทำให้เห็นว่าศุภาลัย ปาร์ค ในปีนี้สวยงามกว่าเดิมมากครับ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนก็คงจะได้รู้จักโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย กันมากขึ้นนะครับ กับโครงการคอนโดมิเนียมย่านฝั่งธนฯ ที่จะเข้ามาเพิ่มเวลาในการใช้ชีวิตให้ทุกๆ คนได้มากขึ้น ทั้งการเดินทางที่สะดวกสบาย ในทำเลที่ชาวฝั่งธนฯ น่าจะรู้จักกันดี บนนถนนจรัญฯ ที่ในอนาคตอันใกล้ก็จะเจริญขึ้นอีกมาก ทั้งรถไฟฟ้าที่จะเข้ามาเชื่อมต่อให้คนบ้านใกล้บ้านไกลได้ขยับมาใช้ชีวิตร่วมกันง่ายมากขึ้น รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่รายล้อมอยู่ทั่วทุกทิศทาง โครงการนี้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ในราคาเริ่มต้น 2.03 ล้านบาทครับ

คลิกลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษกันได้ที่นี่ >>  http://bit.ly/2XTaHX2