“ฮาบิแทท กรุ๊ป” เปิดเกมขยายตลาดต่างประเทศ ลุยโรดโชว์จีน-ฮ่องกง เชื่อศักยภาพตลาดยังแกร่ง

‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ เปิดเกมขยายตลาดต่างประเทศ

ลุยโรดโชว์จีน-ฮ่องกง เชื่อศักยภาพตลาดยังแกร่ง

‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ เปิดเกมรุกขยายตลาดต่างประเทศเต็มสูบ ขน 2 โครงการพรีเมี่ยม วาลเด้น สุขุมวิท 39 และ วาลเด้น สุขุมวิท 31 เดินหน้าจัดกิจกรรมโรดโชว์ 3 เมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว หลังประสบความสำเร็จในตลาดฮ่องกง มั่นใจคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมในกรุงเทพฯ ยังเติบโตได้อีกมาก จากกลุ่มลูกค้าชาวจีนมีศักยภาพสนใจซื้อและลงทุน แย้มกลยุทธ์ปีหน้าจับมือพันธมิตรรายใหญ่จ่อลุย
ตลาดอื่นทั้งในเอเชียและตะวันออกกลาง
 

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุนของไทย เปิดเผยว่า “ตลาดคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมของผู้ซื้อชาวต่างชาติยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยบริษัทฯมีแผนขยายตลาดลูกค้าชาวต่างชาติให้มากขึ้น ซึ่งเริ่มจากตลาดลูกค้าชาวจีนและฮ่องกงที่มีความใกล้ชิด ก่อนขยายไปยังตลาดอื่น ๆ ต่อไป โดยจะรุกทำกิจกรรมการตลาดในทุกช่องทาง ทั้งการจัดกิจกรรมการตลาดในต่างประเทศด้วยตัวเอง และการร่วมมือกับพันธมิตรในการเจาะตลาดตรงเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้เพิ่มมากขึ้น”

ทั้งนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้เริ่มจัดทำโร้ดโชว์ที่ฮ่องกงในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ และในช่วงเดือนธันวาคม 2561 ถึง มกราคม2562 นี้ ยังได้จับมือกับพันธมิตรจีนในการจัดกิจกรรมการตลาดใน 3 เมืองที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่  ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว เพื่อเจาะตลาดลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ

ส่วนโครงการที่นำไปเสนอขายในการจัดกิจกรรมการตลาดในจีนครั้งนี้ จะเป็นโครงการที่บริษัทกำลังเปิดขายอยู่ขณะนี้คือ โครงการวาลเด้น สุขุมวิท 39ซึ่งมีโควต้าสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติเหลืออยู่ราว 50 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถขายได้หมดในช่วงไตรมาส 1 – 2 ของปีหน้า และในต้นปี 2562 จะมีนำเอาโครงการใหม่ที่จะไปเจาะตลาดลูกค้าชาวต่างชาติ ได้แก่ โครงการ วาลเด้น สุขุมวิท 31 เป็นโควต้าสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท

“แม้การเติบโตของการซื้อขายโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ของลูกค้าชาวจีนและฮ่องกงจะชะลอตัว เนื่องจากยังมีปัจจัยความกังวลต่อสถานการณ์ไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แต่ยังมีกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่มีกำลังซื้อและยังให้ความสนใจคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมที่มีราคาตั้งแต่ 5 – 10 ล้านบาทอยู่ ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดเป้าหมายของฮาบิแทท กรุ๊ป เรามั่นใจและเชื่อมั่นว่าสินค้าที่ออกไปนำเสนอจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และคาดว่ากำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าชาวจีนน่าจะเติบโตขึ้นอีกช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนในปีหน้า” นายชนินทร์ กล่าว

นอกจาก ฮาบิแทท กรุ๊ป จะให้ความสำคัญในการจัดกิจกรรมการตลาดในจีน และฮ่องกงแล้ว ยังให้ความ สำคัญกับตลาดอื่นด้วยเช่นกัน โดยมองหากลุ่มตลาดใหม่ ๆ เช่น ตะวันออกกลาง และตลาดในเอเชียอย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย

“แม้เราจะมีกลุ่มตลาดเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างจีนกับฮ่องกงก็ตาม แต่ฮาบิแทท กรุ๊ป ก็ยังมองหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่เพิ่มเติม พร้อมขยายฐานลูกค้า ด้วยการจับมือกับพันธมิตร ใช้กลยุทธ์และขยายช่องทางไปสู่ตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น โดยถือเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจตลอดปี 2562 รวมถึงการมีโปรดักส์ใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเติมขึ้นด้วย”

“ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังเชื่อมั่นต่อตลาดผู้ซื้อต่างประเทศว่าจะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในปีหน้า เพราะประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับเมืองท่องเที่ยวของโลกซึ่งได้แก่ กรุงเทพฯ และพัทยา โดยมียอดนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นทุกปี ส่งผลให้การลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเติบโต ทั้งฝั่งของผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนในเมืองท่องเที่ยวเหล่านี้ และฝั่งของผู้ลงทุนรายบุคคลที่เห็นประโยชน์จากการเติบโตของการท่องเที่ยว ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ และที่สำคัญเมื่อโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EECเข้ามา ก็จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่าง พัทยา เติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย” นายชนินทร์ กล่าวปิดท้าย