“ฮิป! ฮิป! ฮิป! ฮิปโป โอ้โห ตัวมันใหญ่ มันเดินอุ้ยอ้าย มันเดินอุ้ยอ้าย ลาลัลล้า ลัลลา ลัลลา…”

เสียงเพลงรับน้องทำนองน่ารัก คึกคักคุกคิก ยังคงดังก้องอยู่ในหัว กลองที่ถูกรัวดังสนั่นไปกับเสียงกรีดร้องของรุ่นพี่และเพื่อนๆ ในคณะ ปลายผมทั้งสองข้างถูกรัดด้วยหนังยางสีแดง สีม่วงและสีเขียว ไม่เว้นแม้แต่ผมหน้าม้าที่ถูกรวบตึงแล้วดึงให้แน่นจนกลายเป็นแฉกบานๆ เหมือนน้ำพุ แก้มทั้งสองข้างถูกทาด้วยแป้งเด็กหลากสีสันตามสีผสมอาหารที่ได้รับการแต่งแต้มไว้ล่วงหน้า เนื้อตัวมอมแมมพอๆ กับรอยเลอะบนป้ายชื่อที่แขวนอยู่บนคอ เหตุการณ์วันนั้นยังจำได้ดี……. “ได้เป็นลูกนนทรีแล้วจริงๆ”

ยามเรียนอยากให้จบไวไว ยามจบมาใหม่ๆ รู้สึกว่าทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง เมื่อกี้เพิ่งโดนรับน้องไปหยกๆ วันนี้กลับมาสู่อ้อมอกนนทรีในฐานะศิษย์เก่าซะแล้ว 4 ปีที่ได้ใช้ชีวิตทั้งในและนอกรั้วมหาวิทยาลัยเจอความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ตั้งแต่คนแปลกหน้ากลายมาเป็นเพื่อนสนิท การตื่นเช้ามาเข้าคลาสเรียนเปลี่ยนเป็นนอนเบียดกันอยู่ที่หอเพื่อให้ตื่นมาทันพรีเซนต์กลุ่มแรก ไปจนถึงสภาพแวดล้อมที่ดูนับวันจะเจริญขึ้นทุกที อย่างทุกวันนี้การใช้ชีวิตดูจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ เลย ทั้งอุโมงค์ ทั้งรถไฟฟ้า ลัดไปตัดมากันให้ขวักไขว่ รถไฟฟ้าที่เราเห็นตั้งแต่ยังไม่ริเริ่มโครงการจนมาวันนี้เตรียมเปิดให้ใช้ปีหน้าซะแล้ว นึกถึงสมัยที่ต้องรีบกระโดดขึ้นรถตะลัยไปลงแถวประตูงามวงศ์วาน ก็จะไปหน้าเขียวอยู่กลางทางเพราะเส้นนั้นเป็นที่รู้กันว่ารถติดสุดๆ แต่พอมาเดี๋ยวนี้จะข้ามแยกเกษตรเหรอ ลงอุโมงค์ไปเลย แว๊บเดียวเท่านั้นก็ไปโผล่เส้นเกษตร-นวมินทร์แล้ว ตรงไปอีกนิดก็ขึ้นทางด่วนเข้าเมืองออกเมืองได้อีก บรรดาสิ่งอำนวยความสะดวก โรงพยาบาล ศูนย์การค้า มหาวิทยาลัย ยังคงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือที่อยู่อาศัยที่เข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตย่านนี้ดูสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

คอนโดมิเนียมเองก็เกิดขึ้นมาเพื่อการนี้แหละ… น้องแว่นในฐานะเด็กที่คุ้นเคยทำเลก็เลยขออาสาพาไปแอบดูคอนโดใหม่ในโซนนี้ นั่นก็คือ “โครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์” นี่เองค่ะ

โครงการนี้เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 25 ชั้น 1 อาคาร มี 649 ยูนิตพักอาศัยและ 5 ยูนิตร้านค้า โดยมีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษ ตั้งอยู่บนถนนประเสริฐมนูกิจ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อถนนเกษตร-นวมินทร์นั่นแหละค่ะ อยู่ติดถนนใหญ่เลย ถนนเส้นนี้สามารถเชื่อมต่อออกไปถนนเส้นหลักๆ ได้อีกหลายเส้นอย่าง งามวงศ์วาน, รามอินทรา,  ลาดพร้าว, พหลโยธิน และวิภาวดีรังสิต คนใช้รถในโครงการนี้สามารถใช้ซอยเสนานิคมไปออกถนนพหลโยธินเพื่อหลบหนีรถติดบริเวณแยกเกษตรฯ ได้ หรือถ้าอยากไปรถไฟฟ้า เค้าก็เตรียม Shuttle Car ไปส่งสถานี BTS สายสีเขียว (เหนือ) ด้วย ซึ่งจะเป็นสถานีม.เกษตรฯ หรือเสนานิคม ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกับนิติบุคคลเมื่อโครงการเสร็จอีกที นอกจากนี้ในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล “สถานีบางบัว” ให้เลือกใช้ได้อีกค่ะ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกแถวนี้มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดบางเขน, โลตัสลาดพร้าว, นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว, เมเจอร์รัชโยธิน, เซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนียนมอลล์, รพ.เปาโล, รพ.วิภาวดี, ม.เกษตรฯ, ม.ศรีปทุม เป็นต้น คนที่ต้องการอยู่แถวนี้จึงสามารถวางแผนการใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น จะออกไปช็อปปิ้ง ต้องแวะไปโรงพยาบาล เดินทางเข้าเมืองไปหาเพื่อนสาว ก็เลือกการเดินทางได้ตามสะดวก คำนวณช่วงเวลารถติด เผื่อเวลาเดินทางสักนิด ชีวิตก็ดูจะสะดวกสบายขึ้นเยอะค่ะ

ตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เรียบง่าย แต่ดูมีชีวิตชีวา เพราะเค้าเอาเส้นสายที่โค้งเว้ามาเป็นลูกเล่น ผนวกกับการนำ Private Vertical Garden หรือสวนสีเขียวไปใส่ไว้ตามจุดต่างๆ ของตัวอาคาร ช่วยดึงธรรมชาติมาใกล้ตัวมากขึ้นและยังลดความหนาแน่นของยูนิตในแต่ละชั้นด้วยค่ะ ซึ่งพื้นที่สวนตรงนี้ก็จะอยู่บริเวณชั้น 6-8, 11-14, 15-18 และ 20-22 มองจากตัวโมเดลอาคาร ก็จะเห็นการเจาะช่องแบบสูงโปร่ง เป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ และนั่งรับลมกันไปเต็มๆ เลยค่ะ ส่วนกลางเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 คือ Stylish Lobby ตกแต่งด้วยกระจกรายล้อม เปรียบเสมือนหน้าบ้าน เอาไว้คอยรับแขกหรือเป็นศูนย์กลางให้เพื่อนสาวมารวมตัวกันก่อนออกไปงานคืนนี้ ส่วนชั้น 1-4 จะเป็นอาคารจอดรถค่ะ ถัดมาบริเวณชั้น 5 มีสวนพักผ่อน Serene Garden และ Jogging Track ให้ลูกบ้านได้ออกมาพักสายตา เปลี่ยนบรรยากาศการออกกำลังกายไปในตัวด้วย บางส่วนของชั้นนี้ไปจนถึงชั้น 24 ก็จะเป็นพื้นที่ยูนิตพักอาศัย พอมาถึงชั้น 25 ก็เป็นอีกชั้นที่รวม Facility เข้าไว้ด้วยกันอย่างสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Co-woking Space และ Sauna ค่ะ

โครงการมีห้องให้เลือก 2 แบบคือ 1 Bedroom กับ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 24.50 – 44 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted คือให้อุปกรณ์มาตรฐานอย่างชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้า Built-in รวมถึงระบบ Home Automation ที่ไม่ได้สะดวกแค่ภายในห้อง แต่เรียกได้ว่าใช้มือถือเครื่องเดียว กดเปิดได้ตั้งแต่ Main Gate ผ่านโถงลิฟต์ ยันหน้าประตูห้องกันเลยทีเดียว และความพิเศษก็คือมีระบบ VDO DOOR PHONE หรือ “พี่จออัจฉริยะ” ของดิฉันติดตั้งไว้ในห้อง พี่เขาเปรียบเสมือนพระเอกของเราเลยนะ เป็นศูนย์กลางทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เปิดปิดระบบไฟฟ้า เอาไว้ให้ลูกบ้านได้เช็คหน้าตาแขกที่มาเยี่ยมเยียน หรือถ้าเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายก็สามารถ Call หาพี่ รปภ. ทางนี้ได้ทันที คือทำมาเพื่อเพิ่มความสะดวก และความปลอดภัยให้เราอยู่ได้อย่างสบายใจ อ้ะ นี่ยังไม่จบนะคะ พี่จอยังสามารถกดเข้าไปดูภาพส่วนกลางได้แบบ Real Time อี๊ก ทำให้ไม่ต้องลงไปรอเก้อเวลามีคนใช้งานฟิตเนส หรือสระว่ายน้ำเยอะๆ สะดวกใช่มั้ยละ ทีนี้คุณแฟนก็ไม่สามารถแอบพากิ๊กมาวิ่งได้ละ หรือถ้าเห็นว่าพามาก็จะได้ลับมีดรอในห้องแบบสวยๆ หึหึ ที่สำคัญนี่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่เค้าจัดให้ทุกห้องด้วยล่ะค่ะ เก๋ กู้ด

เห็นแบบนี้แล้วก็ทำได้แค่ยิ้มอย่างยินดีว่าทำเลที่เคยได้ใช้ชีวิตอยู่คู่เคียงกันมากว่า 4 ปี มีสิ่งอำนวยความสะดวกเกิดขึ้นเรื่อยๆ เป็นตัวช่วยผลักดันให้เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ในชีวิตได้มากขึ้น คนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือคนทำงานโซนนี้ก็จะมีโอกาสได้เลือกสิ่งที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งการเดินทางที่สะดวกสบาย คุณภาพชีวิตที่ดีพร้อมโดยมีเทคโนโลยีเป็นพื้นฐานที่ทำให้อะไรๆ ก็ดูง่ายดายไปหมด

สำหรับโครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีหน้า ก็ทันได้ใช้รถไฟฟ้าพอดีเลยนะคะ สำหรับราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.19 ลบ. โปรโมชั่นตอนนี้ จองพร้อมทำสัญญา รับฟรี SAMSUNG Galaxy Note10* พร้อมของแถมภายในห้องกว่า 15 รายการ มูลค่ารวม 300,000 บาท* แฟนเพจ Living Sneak Peek ที่สนใจคลิกเข้าไปสอบถามข้อมูลและโปรโมชั่นพิเศษได้ที่ Line@ : http://bit.ly/2KRcH0X ส่วนใครที่อยากเห็นหน้าตาของห้องตัวอย่างก็คลิกเข้าไปดูในรูปกันได้เลยค่า

1 ห้องนอน ขนาด 24.5 ตร.ม. ฟังแล้วชวนให้คิดถึงสมัยใกล้จบที่ต้องไปนั่งทำ Thesis อยู่หอเพื่อน เปิดประตูเข้าไปแล้วเจอกองรองเท้ารกๆ อยู่มุมซ้าย ไม้กวาดและถังขยะวางกระจัดกระจายอยู่มุมขวา เดินไปเจอเตียงและทางเข้าห้องน้ำ ถัดไปเป็นระเบียงที่เพื่อนปล่อยให้ต้นไม้ที่ไปซื้อมาจากสวนจตุจักรแห้งเหี่ยวใบร่วงกองอยู่เต็มพื้น ซึ่งห้องที่นี่กำลังจะลบภาพเหล่านั้นไปจากความทรงจำค่ะ ฮ่าๆ

เปิดเข้ามาด้านในจะเห็นว่าพื้นที่การใช้งานในแต่ละส่วนถูกจัดไว้มุมใครมุมมันแยกกันชัดเจน ระยะความสูงของเพดานอยู่ที่ 2.65 เมตร พื้นไม้ลามิเนต ผนังฉาบเรียบทาสี และได้แอร์ 2 ตัวครับ

ห้องนอนได้รับการจัดวางให้มีพื้นที่การใช้งานค่อนข้างมาก โดยทางโครงการมีตู้เสื้อผ้าสูงจรดเพดานบิวท์อินไว้ให้พร้อมกระจกบานใหญ่ สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้าไปแล้วยังเหลือทางเดินปลายเตียง รวมไปถึงพื้นที่ด้านข้าง ให้ใครที่เลือกนอนฝั่งริมหน้าต่างได้ลงมายืดบิดตัวซ้ายขวา ยืดเส้นยืดสายไปกับท้องฟ้าและแดดยามเช้า

พื้นที่ครัวถึงจะไม่ได้ทำเป็นครัวปิดไว้ให้ แต่ก็ถูกจัดวางให้เป็นมุมส่วนตัวอยู่เหมือนกันค่ะ เคาน์เตอร์ครัวบิวท์อินมาให้เรียบร้อย Top หินสังเคราะห์ ตู้และลิ้นชักให้มาครบครัน เพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อเทียบกับสมัยอยู่หอแล้วมีหม้อไหจานชามกะละมัง กองพะเนินรวมกันอยู่บนพื้น ฮ่าๆ เห็นภาพเลยเนอะ

ประตูระบบดิจิตอล สามารถใช้ Bluetooth ในการปลดล็อคได้ รวมไปถึงมีรหัสแบบ One time password ที่สามารถส่งให้เพื่อนที่ญาติพี่น้องที่ต้องการมาเยี่ยมเยียนเราได้ด้วยค่ะ

นี่คือเครื่องมือสุด Smart ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและพูดอวดเพื่อนได้ว่า ห้องชั้นสามารถเปิดปิดไฟทั้งห้องได้ง่ายๆ แค่ Touchนะย๊ะ อ้อแล้วที่สำคัญเราสามารถกดปุ่มฉุกเฉินกรณีที่มีเหตุด่วนเหตุร้ายหรือต้องการความช่วยเหลือได้ด้วยนะคะ สัญญานจะส่งไปแต่งเตือนเจ้าหน้าที่รปภ. เพื่อให้มาช่วยเหลือได้ทันท่วงที ส่วนปุ่มกดเปิดไฟก็เป็นแบบ Smart switch แค่แตะสัมผัสเบาๆ เช่นกัน หน้าตาดูดีทีเดียวค่ะ

ส่วนที่เป็นพื้นที่ Living เราสามารถจัดวางโซฟานุ่มๆ เข้าผนัง แล้วแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ได้ 1-2 ที่นั่ง

ซึ่งจะบิวท์อินชั้นวางทีวี หรือติดทีวีที่ผนังตรงนี้ก็พอดีต่อการใช้งาน สามารถรวมพลคนชอบดู Netflix มารวมตัวกันที่ห้องนี้ได้เลย มา 3-4 คนก็กระจายกันนั่งตามโซฟา บนเก้าอี้ มาเยอะหน่อยก็มีที่นั่งตรงพื้นให้ได้เอนขา เหยียดแขน นอนใช้เวลาร่วมกันได้อย่างสนุกสนาน

หรือจะเอาชั้นวางรองเท้า ชั้นวางของจับเข้ามุมตรงนี้ก็ยังได้อีกค่ะ

ห้องครัวสามารถติดประตูบานเลื่อนทำเป็นครัวปิดได้อยู่นะคะ แต่ถ้าไม่กั้นห้องก็จะดูโล่งตากว่า เดินเข้าออกก็จะสะดวกมากกว่าค่ะ

ครัวติดระเบียงแบบนี้ระบายอากาศง่ายค่ะ หมดกังวลเรื่องกลิ่นอับ ส่วนพื้นที่ด้านนอกก็ทำเป็นพื้นกระเบื้อง ออกมาใช้งานได้จริงเพราะเค้าเอา Compressor air ติดไว้ด้านบน ทำให้คนอยู่อาศัยสามารถใช้เพื่อนที่ให้ห้องให้ทุกส่วนเลย

ติดตั้งเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันมาให้เรียบร้อยค่ะ

พื้นที่เหลือๆ ให้วางโต๊ะหรือลิ้นชักหัวเตียงได้ด้วยค่ะ

กระจกบานใหญ่ มองวิว รับแสงได้เต็มที่

ตู้เสื้อผ้าใส่ของได้จุไม่เบา ซึ่งประตูเป็นบานสไลด์ ช่วยประหยัดเนื้อที่และเปิดปิด หยิบจับของสะดวกดีค่ะ

ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะคะ

ห้องน้ำนี่ชอบเลย เพราะไม่คับแคบ แถมยังมีฉากกั้นเปียกแห้งติดตั้งมาให้ด้วย กระจกเปิดออกเป็นตู้เก็บของได้ด้วยค่ะ ซึ่งตรงนี้ช่วยได้เยอะเลยนะ เพราะช่วยลดการวางข้าวของกองเกะกะตามขอบอ่างล้างมือหรือบนโถสุขภัณฑ์ด้วย หน้าตาห้องน้ำเราก็จะดูสะอาดสอ้าน น่าใช้งานหน่อย

เข้ามาอีกห้องนึงเป็นแบบ 1Bed ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยเป็น 28.5 ตร.ม. ค่ะ

ด้านในก็จะมาเจอพี่จอพระเอกของเราเช่นเคย

ด้วยความที่พื้นที่ห้องนี้ขนาดใหญ่ขึ้นก็เลยจัดวางเฟอนิเจอร์ชิ้นใหญ่มากขึ้นได้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นโซฟารูปตัว I ยาว 3 ที่นั่ง ติดกันก็เป็นส่วนรับประทานอาหาร จัดวางเข้ามุมไปซะหน่อยก็กำลังดีกับขนาดห้อง

ฝั่งนี้โครงการเค้าลองจัดทำตู้บิวท์อินแบบเต็มพื้นที่มาให้ดู ก็จะเห็นว่าเพิ่มพื้นที่การวางของได้อีกเยอะเลยค่ะ แต่ลักษณะนี้ก็จะเป็นของแบบวางโชว์หน่อย ถ้าอยากเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ลองบิวท์อินตู้แบบปิดทึบได้เหมือนกัน

ตรงนี้ก็จะมีพื้นที่ทางเดินระหว่างซ้ายขวามากขึ้นนะคะ  Layout แบบนี้จัดวางโต๊ะกลางคงไม่สะดวก แต่ไว้ข้างๆ โซฟาก็สวยอยู่ค่ะ

โต๊ะรับประทานอาหารจัดวางไว้สำหรับ 2 ที่นั่ง แต่เลื่อนออกได้ถ้ามีแขกมาเพิ่ม ส่วนถ้าอยากประหยัดเนื้อที่ก็ลองเลือกแบบบิวท์อินที่พับเก็บเข้าข้างผนังได้ จะทำให้เวลาไม่ได้ใช้งานห้องก็จะโล่งมากขึ้นนะคะ

ห้องนี้ได้ครัวปิดมาแล้ว น่าจะถูกใจคนชอบต้มยำทำแกงสไตล์ครัวไทย ให้มันสาแก่ใจอิช้อยยิ่งนัก เพราะลดกลิ่นรบกวนได้สบาย อยู่ติดกับระเบียงระบายอากาศออกไปได้อีกต่างหาก ช่วงกลางวันเปิดให้แสงเข้าบ้าง จะได้ทำให้ครัวแห้งและสะอาด ลดกลิ่นสะสมได้ค่ะ

ครัวขนาดกำลังพอเหมาะ มีที่ให้จัดวางอุปกรณ์และเตรียมอาหารตรงกลางระหว่างซิงค์และเตาไฟฟ้าอยู่นะ

ก่อนจะเดินออกมาเข้าห้องนอน จะมีพื้นที่ระหว่างห้องน้ำและห้องนอนไว้ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ ก็เอาไว้ใช้แต่งหน้าระหว่างออกจากห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนกลับเข้าห้องนอน

ห้องนอนก็กั้นด้วยกระจกบานเลื่อนใส เพิ่มความเป็นสัดส่วนแต่ไม่ทำให้ห้องทึบ

ตู้เสื้อผ้าวางขวางไว้กับเตียง แม้จะทำให้เราไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเตียงไปที่อื่นได้ แต่ก็ทำให้มีพื้นที่ว่างหน้าตู้เสื้อผ้าค่อนข้างมาก เอาไว้ปูเสื่อโยคะ ออกกำลังกายตรงนี้ก็เข้าท่านะ

เตียงก็จะอยู่ชิดกับหน้าต่างหน่อยค่ะ แต่ก็ยังเดินเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้อยู่

มองย้อนไปจะเห็นห้องน้ำอยู่อีกฝั่งนึงนะคะ ทำให้เอาไว้ใช้รับแขกได้ โดยไม่ต้องเดินผ่านเข้ามาในห้องนอน

อุปกรณ์ในห้องน้ำมาครบ รูปแบบเดียวกับห้องที่แล้วเลยค่ะ

สิ่งที่สาวๆ น่าจะชอบก็คือตู้เก็บของซ่อนหลังกระจกในห้องน้ำ มีตั้ง 4 ช่อง ใหญ่ จุใจใส่ได้เยอะเลยค่ะ

กั้นส่วนเปียกและแห้งไว้ด้วยกระจกนิรภัยติดตั้งเรียบร้อย และนี่ก็เป็นภาพรวมของห้องตัวอย่างทั้งหมดที่เราพาชมกันในวันนี้นะคะ

ก่อนจะจากกันไปขอนำภาพ Perspective จากโครงการมาให้ชมกันอีกหน่อย บางโครงการเราเคยเห็นพื้นที่ Pocket garden เล็กๆ กระจายอยู่ระหว่างอาคาร แต่ที่นี่ทำมาให้ใหญ่ มาแบบ Private Vertical Garden ขนาดสูง 3-4 ชั้นไปเลย  มีทั้งต้นไม้ สวนแนวตั้ง และโต๊ะให้นั่งพักผ่อนกันเป็นหมู่คณะ

สวน Serene Garden ที่อยู่บริเวณชั้น 5 ก็มีฟังก์ชั่นมากกว่าไว้ให้เดินชมนกชมไม้นะคะ เค้าจัดโต๊ะไว้นั่งทำงาน กินขนม พูดคุยกับเพื่อนๆ ได้ อารมณ์แบบนั่งทำงานกลางสวนในวันอากาศเบาสบาย

บริเวณ Top Floor ก็มี facilities ที่คู่ควร ทั้งสระว่ายน้ำพร้อมที่นั่งพักผ่อนเช่นเคย จะเห็นว่าโครงการนี้มีจุดให้ออกมาชมวิว เปลี่ยนบรรยากาศจากในห้องได้เยอะเลยค่ะ

อีกโซนนึงที่อยู่ใกล้กันคือฟิตเนสที่สวยงามน่าใช้ ขนาดกว่า 100 ตร.ม. โปร่งโล่งทั้งหน้าและหลังได้ชมวิวสระ และวิวเมืองได้อย่างทั่วถึง มีกำลังใจออกกำลังได้นานๆ เลยนะคะแบบนี้

Co-working Space ที่นี่ก็ได้ระดับความสูงที่สุดของอาคารเช่นกัน สิ่งอำนวยความสะดวกมีพร้อม ครบ และได้รับการจัดวางไว้ให้น่าใช้งานค่ะ

ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์

และนี่ก็คือโครงการ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ ที่น้องแว่นอาสาพาชมในวันนี้นะคะ ใครที่รู้จักทำเลแถบนี้ดี ก็จะได้ตัวเลือกที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และสิ่งอำนวยความสะดวกให้ใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท

สำหรับใครที่สนใจก็ลืม add line เข้าไปสอบถามข้อมูลและสิทธิพิเศษกันได้ ที่ Line@ : http://bit.ly/2KRcH0X แล้วไปชมห้องตัวอย่างกันที่โครงการได้เลยค่า