รีวิว ‘Baan Klang Muang CLASSE Ratchayothin’ โครงการ Flagship สุดงดงามจาก AP Thailand ให้ใช้ชีวิตได้อย่าง Classy เพียงหนึ่งเดียวใจกลางรัชโยธิน เริ่ม 19.9-29 ล้าน

วันนี้เป็นวันที่น่าตื่นเต้นสำหรับคนชอบดูบ้านอย่างผมอีกวันหนึ่งเมื่อได้มาเยี่ยมเยือน ‘บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน’ หลายคนคงได้ยินชื่อแบรนด์นี้กันมาแล้ว และก็ต้องยอมรับว่าเค้าหาทำเลมาได้สมกับชื่อจริงๆ โดยเฉพาะโครงการที่เรากำลังจะพาชมนี่เรียกได้ว่าเป็นบ้านในรัชโยธินที่แท้ทรู พูดให้เห็นภาพก็คือโครงการอยู่ติด SCB Park แบบหายใจรดต้นคอ เดินเชื่อมต่อเข้าสู่กันได้เลย เป็นบ้านหรู 3 ชั้นสไตล์ Modern Classic ที่ภายนอกสวยงามลงตัวด้วยเส้นสายและ Façade ที่ดู Timeless ด้านในออกแบบฟังก์ชันไว้เป็นอย่างดี และเมื่อได้ดูยูนิตที่เป็นบ้านตัวอย่างก็ทำให้เห็นภาพว่า พื้นที่ที่เค้าออกแบบไว้นั้นยังสามารถปลดล็อค Potential ในการใช้ชีวิตให้อยู่สบายมากขึ้นอีกด้วยครับ

ทางเข้าหลักของโครงการเข้าได้ถึง 2 ฝั่งถนน ไม่ว่าจาก ถ.พหลโยธินผ่านซอยพหลโยธิน 23 และ จาก ถ.วิภาวดีรังสิตผ่านซอยวิภาวดี 32 หรือถ้าใครจะเข้าจากฝั่ง ถ.รัชดาภิเษก สามารถทะลุเส้นทางผ่าน SCB Park เข้ามาก็ได้ (ประตู SCB Park ปิดประมาณ 2 ทุ่ม) ใกล้ BTS สถานีพหลโยธิน 24 ใกล้ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ไม่ว่าจะใช้รถหรือระบบรางก็สะดวกมาก เป็นทำเลที่ทำเป็นคอนโดได้แต่ว่าเค้าพัฒนาเป็นบ้านครับ แถมทำเลนี้ยังเป็นทำเลอนาคตที่ได้รับการพัฒนาด้วยโครงการ Mixed Use ระดับบิ๊กอย่างเซ็นทรัลพหลโยธินใหม่ มีตลาดอย่างจ๊อดแฟร์แดนเนรมิต, Major และ Avenue รัชโยธิน, เซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนียนมอลล์, สวนจตุจักร ยังไม่นับแหล่งงานที่อยู่ข้างบ้านอย่าง SCB สำนักงานใหญ่, ปตท. สามารถให้ลูกๆ เรียนโรงเรียนใกล้บ้านอย่าง รร.หอวัง ไปจนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรียกว่าในระยะใกล้ๆ โดยรอบโครงการมีทุกอย่างที่รองรับการใช้ชีวิตทุกโหมดไว้เรียบร้อย เหมาะกับการมีบ้านอยู่ที่นี่จริงๆครับ

Baan Klang Muang CLASSE Ratchayothin

บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน ออกแบบให้เป็น Private Luxury Residences มีความเป็นส่วนตัวสูงเพียงแค่ 62 ยูนิต เค้าตั้งคอนเซ็ปต์โครงการว่า “A Precious Moment For Everlast” หรือช่วงเวลาล้ำค่าอันนิรันดร์ สะท้อนออกมาด้วยงานดีไซน์ทั้งตัวบ้าน Space ภายใน และพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สงบร่มรื่นตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโครงการครับ

ความประทับใจแรก คือบรรยากาศเมื่อผ่าน Main Gate เข้าไปในโครงการ เหมือนได้ตัดขาดความรู้สึกวุ่นวายจากชีวิตเมือง มาผ่อนคลายกับพื้นที่สีเขียว ซึ่งเค้าตกแต่งด้วยต้นไม้ชนิดพิเศษสไตล์ยุโรป พร้อมพื้นที่พักผ่อน กับเสียงน้ำไหลคลอเบาๆ ให้รู้สึกสบายใจ มีรูปปั้นน้องม้าอัลลิคอร์น สัตว์ในเทพนิยายซึ่งเป็นยูนิคอร์นที่มีปีก มารอต้อนรับตั้งแต่ด้านหน้า และในบริเวณเดียวกัน จะมีอาคาร Clubhouse ที่มีทั้ง Co-Working Space, Kid’s room, Fitness 24 hours, และที่ผมชอบมากคือ Relaxing Pool ที่เค้ายกสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ขึ้นไปอยู่ชั้น 2 ให้ว่ายน้ำชมวิวไป เหมือนได้พักผ่อนในรีสอร์ทหรู แล้วยังให้ความเป็นส่วนตัวครับ ตรงนี้ออกแบบมาได้ดีมาก

บ้านสำหรับ 62 ครอบครัวนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่กว่า ประกอบด้วยบ้านแฝดและทาวน์โฮม 3 ชั้น ที่มีหน้ากว้างตั้งแต่ 10-13.5 ม. โดดเด่นที่เค้าจะออกแบบ Façade ให้แต่ละหลังแตกต่างกัน เวลาซื้อบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็จะรู้สึกว่าบ้านเรามีเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งส่งผลให้ในแต่ละช่วงเวลา แสงเงาที่เกิดจากการตกกระทบกับตัวบ้านจะให้อารมณ์ที่ไม่เหมือนกันด้วยครับ และด้วยความที่คนเมืองมักจะโหยหาพื้นที่สีเขียว เพื่อฮีลจิตใจจากการทำงาน ที่นี่เค้าเลยออกแบบให้มีสวนหน้าบ้านและหลังบ้านเพื่อการพักผ่อนในทุกยูนิต โดยบ้านที่นี่มีให้เลือก 3 รูปแบบดังนี้ครับ

  • GARNET บ้านแฝด 3 ชั้น หน้ากว้าง 13.50 ตร.ม. มีเพียง 12 ยูนิต เป็น Type ที่เค้าทำเป็น Show Unit ซึ่งผมเก็บภาพมาให้ชมครับ มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 234 ตร.ม. ตั้งอยู่บนที่ดินเริ่มต้น 40.8 ตร.ว. ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน มีห้อง All-Purpose ที่ชั้น 1 พร้อมครัวปิด ไฮไลต์คือที่ชั้น 2 สามารถปรับให้เป็น Master Bedroom และ Living ส่วนตัว เชื่อมกันทั้งชั้นในสไตล์ Full-floor Penthouse ให้ได้พักผ่อนเต็มอิ่มแบบ Private โดยไม่ต้องลงไปชั้นล่าง แถมด้วย Green Balcony ขนาดใหญ่แบบปลูกต้นไม้ได้ ให้ออกมานั่งชมวิว เพิ่มบรรยากาศและพื้นที่สีเขียวในแนวตั้ง และที่ชั้น 3 มีห้องนอนอีก 2 ห้อง ขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน
  • รูปแบบ ESMA เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 10 ม. พื้นที่ใช้สอย 228.2 ตร.ม. อยู่บนที่ดินเริ่ม 30.3 ตร.ว. แบ่งเป็น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และจอดรถได้ 2 คันครับ
  • รูปแบบ GARNETTA เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นขนาดเริ่มต้นของโครงการ หน้ากว้าง 10 ม. พื้นที่ใช้สอย 214.4 ตร.ม. บนที่ดินเริ่ม 30.2 ตร.ว. ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น และจอดรถได้ 2 คันครับ

ใครที่สนใจ ขอเชิญเข้ามาชมบรรยากาศความสวยงามของโครงการกันครับ แต่ต้องรีบหน่อยนะ โครงการนี้น่าจะขายอยู่ไม่นาน เค้ากำลังจะมี Pre-Sale ในวันที่ 28-29 ตุลาคมนี้ กับราคาเริ่ม 19.9-29 ล้านบาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1623 หรือคลิก https://www.apthai.com/th/townhome/baanklangmuang-classe-ratchayothin ได้เลยครับ

Baan Klang Muang CLASSE Ratchayothin

เข้ามาในโครงการก็พบกับความร่มรื่นของสวนสีเขียว แล้วยังมีรูปปั้นสัตว์ในเทพนิยายอย่างม้ายูนิคอร์นมีเขากับปีกแสนสวย หรือที่ผมรู้จักในชื่ออัลลิคอร์น ลูกผสมครับ ที่นี่เค้ามาในคอนเซ็ปต์ ‘A Precious Moment For Everlast’ ช่วงเวลาล้ำค่าอันนิรันดร์ ที่เค้าออกแบบโครงการด้วยความใส่ใจ เป็นส่วนตัวเพียง 62 หลัง

บ้านที่นี่ออกแบบด้วย Modern Classic Architecture สวยงามคลาสสิคเหนือกาลเวลา บ้านตัวอย่างมีหลังเดียวนะครับเป็น Type ใหญ่ที่สุด รูปแบบ ‘GARNET’ บ้านแฝด 3 ชั้น หน้ากว้าง 13.5 ม. กับพื้นที่ใช้สอย 234.11 ตร.ม. บนที่ดินเริ่ม 40.8 ตร.ว. ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ พร้อม All-Purpose Room และ 2 ที่จอดรถครับ ไปชมกันเลย

เมื่อเข้าประตูมาจะพบกับ Living Area โปร่งโล่ง ด้วยเพดานสูง 2.8 ม. ชั้นล่างนี้จะเป็นรูปแบบพื้นที่เชื่อมโยงกันไปจากด้านหน้าไปสู่หลังบ้าน เค้าตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนสบายตา

เชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าว ซึ่งสามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่รองรับได้ 6-8 คนเลยครับ มีกระจกบานเลื่อนที่ด้านหลังออกไปสู่สวนหลังบ้านได้ และเป็นช่องนำแสงธรรมชาติเข้ามาจากทางด้านหลังด้วย

อย่างที่บอกว่าพื้นที่ภายนอกเค้าออกแบบให้มีสวนทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านเพื่อให้ได้พักผ่อนกับพื้นที่สีเขียว มีต้นไม้ใบหญ้าช่วยเยียวยาจิตใจจากความเหนื่อยล้า ชาร์จพลังกับธรรมชาติได้ทุกวัน

กลับมาต่อในบ้านที่โซนห้องครัวครับ จริงๆ แล้วที่นี่เค้ากั้นเป็นครัวปิดพร้อมหน้าบานกระจกใสมาให้นะครับ แต่สำหรับบ้านตัวอย่างนี้เค้าเอาผนังออกเพื่อให้ทุกพื้นที่เชื่อมต่อกันแบบ Open Plan ให้เป็นไอเดียในการตกแต่งครับ

ที่ห้องครัวตรงนี้ก็มีประตูเปิดเพื่อไปสู่สวนและโซนซักล้างที่หลังบ้านได้อีกจุดครับ

ถัดมาเป็นโถงทางเดินไป All-Purpose Room หรือห้องอเนกประสงค์สำหรับชั้นล่างครับ เราก็จะผ่านประตูบานเลื่อนที่เข้าออกโรงจอดรถได้ตรงนี้ด้วย เวลาซื้อของกลับบ้านมาก็สะดวกเดินเอามาเก็บที่ครัวได้เลย ไม่ต้องอ้อมไปประตูหน้าบ้าน

ก่อนเข้าห้องอเนกประสงค์ก็จะมีห้องน้ำที่แต่งสุขภัณฑ์ให้ครบฟังก์ชันตรงนี้ห้องนึงครับ กระจกบานใหญ่เต็มพื้นที่เลยพร้อมเปิดระบายอากาศได้ด้วย

ห้องอเนกประสงค์เค้าตกแต่งเป็นห้องทำงานครับ ใคร Work From Home ต้องมีออฟฟิศส่วนตัวก็เหมาะมาก หรือถ้าอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ มีผู้สูงอายุ ก็ทำเป็นห้องนอนได้เหมือนกันครับ มีห้องน้ำข้างๆ ครบเลย

ก่อนจะขึ้นไปชั้นบน ใต้บันไดก็มีห้องเก็บของมาให้เหมือนกันนะ ซ่อนตู้ไฟไว้อยู่ตรงนี้ครับ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 เค้าตกแต่งเป็น Full-Floor Penthouse ที่เชื่อมต่อกันได้ทั้งหมดเป็นชั้นส่วนตัวของเจ้าของบ้านเลยครับ

จากบันไดมาห้องด้านขวาเป็นห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ ห้องนี้จัดวางได้ทั้งโต๊ะทำงาน เตียงคิงไซส์ พร้อมโซฟาให้นั่งพักผ่อนได้ แถมยังเหลือพื้นที่กว้างๆ โดยรอบ มีหน้าต่างเปิดรับช่องแสงเต็มไปหมดทั้งฝั่งหน้าบ้านและสองข้างของหัวเตียงครับ

วิวจากห้องนี้มองตรงสู่สวนหลัก สวยลืมเลย

ด้านขวาของห้องนอนก็เป็นห้องน้ำแบบ His & Her กั้นโซน Shower มาให้แบบนี้ ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวเรียบหรู

มุมด้านในสุดติดกับกระจกที่เป็นช่องแสงขนาดใหญ่ยังมีอ่าง Jacuzzi ให้แช่น้ำผ่อนคลายได้ทุกวัน จุดเทียนหอม พร้อมเสียงเพลงคลอขณะแช่น้ำนี่คือสำราญใจดีเหลือเกิน

มาที่ห้อง Walk-In Closet ส่วนตัวของคุณผู้หญิงกันบ้าง ในบ้านมาตรฐานผนังจะสุดที่ประมาณครึ่งนึงของห้องนี้ครับ แต่เค้าทุบผนังออกแล้วตกแต่งด้วยตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งแบบจัดเต็มตลอดแนวยาวทะลุระหว่างสองฝั่งของบ้านอลังการกันไปเลย สามารถใช้พื้นที่ตรงนี้ได้เต็มประสิทธิภาพ นี่แหละครับที่ผมบอกว่าเป็นการทำให้เห็นศักยภาพของพื้นที่ว่าทำอะไรได้บ้าง

จากห้องน้ำ ผ่าน Walk-in Closet เชื่อมโยงมาที่โซนนั่งเล่นส่วนตัวชั้น 2 ของอีกฝั่งนึง หรือจะเข้าจากด้านหน้าห้องก็ได้ครับ ตรงนี้สมาชิกในครอบครัวก็สามารถมานั่งพบปะพูดคุยกันได้โดยไม่ต้องลงไปที่ชั้นล่าง

หรือจะออกมาสูดอากาศ ชมวิวที่ระเบียงก็ได้ เค้าออกแบบมากว้าง สามารถจัดสวนเล็กๆ ตรงนี้ได้เลย และผมชอบที่เค้าดีไซน์ให้บ้านแต่ละหลังมองไม่เห็นกันนะ ให้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นและสามารถออกมาใช้พื้นที่ Balcony ตรงนี้ได้จริงๆ

ขึ้นมาที่ชั้น 3 กันต่อ มีอีก 2 ห้องนอนซ้ายขวาเช่นกัน ซึ่งพื้นที่ว่างตรงโถงบันไดสามารถจัดวางโซฟานั่งพักผ่อนได้ ให้อารมณ์เหมือนเป็นโซนพักเบรกก่อนเข้าห้องให้มาพบปะ เมาท์มอยกันตรงนี้ได้

เข้ามาที่ห้องฝั่งซ้ายมือกันก่อน เค้าตกแต่งเหมือนเป็นห้องนอนสำหรับสาวๆ ครับ สีชมพูหวานละมุน มีพื้นที่วางโต๊ะเอาไว้ทำงานหรือนั่งเล่นได้สบายๆ

ห้องนี้เค้าออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่รองจาก Master Bedroom เลยครับ

ข้างในมีโซน Walk-In Closet สามารถบิวท์ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่จุใจ พร้อมจัดวางโต๊ะเครื่องแป้ง มีห้องน้ำส่วนตัวทางด้านขวาฮะ

ห้องฝั่งตรงข้ามกันอีกปีกนึง เป็นห้องของลูกชายกันบ้าง มีพื้นที่กว้าง มาพร้อมหน้าต่างบานใหญ่ไม่แพ้กันครับ

มีโซนสำหรับแต่งตัว พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งที่ปรับเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ ซึ่งพิจารณาดูแล้วลูกชายดูจะไม่มีเสื้อผ้าเยอะเท่าห้องลูกสาวนะ ฮ่าๆ ห้องนี้ก็มีห้องน้ำในตัวเช่นกันครับ

ก็จบแล้วสำหรับบ้านตัวอย่าง Type ใหญ่ที่สุดของที่นี่นะครับ

นอกจากนี้ยังมีทาวน์โฮม 3 ชั้น มากับหน้ากว้าง 10 ม. อีก 2 รูปแบบ ทั้ง ‘ESMA’ มีพื้นที่ใช้สอย 228.2 ตร.ม. ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ กับ ‘GARNETTA’ พื้นที่ใช้สอย 214.46 ตร.ม. มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถเช่นกัน บนที่ดินเริ่ม 30.2 ตร.ว. ครับ ดูดีไซน์สวยไม่แพ้กันเลย

เค้าออกแบบ Facade แต่ละหลังให้มีความแตกต่างมีเอกลักษณ์ครับ ทำให้แต่ละช่วงเวลาก็จะมีแสงแดดตกกระทบ แล้วให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันด้วย

ทำเลที่นี่อยู่ตรงไหนให้ภาพนี้แทนคำตอบครับ ผมขอพาทุกคนไปชมสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการกันต่อ ขอเริ่มที่สวนสีเขียวใจกลางโครงการก่อนเลยนะครับ เป็นสวนที่เค้าออกแบบมาในสไตล์ยุโรป ประดับประดาด้วยต้นไม้สายพันธุ์ต่างประเทศหลายชนิด

มีโต๊ะเก้าอี้หินสีขาวสะอาดดีไซน์โค้งมนวางไว้ให้นั่งพักผ่อน ฟังเสียงคลอของน้ำพุที่ตกกระทบท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ดีเลยครับ

แนวสวนจะยาวต่อเนื่องมาจากต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าตลอดแนวถนนเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม

บริเวณด้านหน้ามีสนามเด็กเล่น Outdoor สำหรับเด็กๆ น้องๆ ได้ใช้ชีวิตกับพื้นที่สีเขียวก็จะช่วยเรื่องพัฒนาการผ่านการเรียนรู้ธรรมชาติด้วย

มาดูที่ คลับเฮ้าส์ CLASSE SOCIETY ที่อยู่ด้านหน้าโครงการกันต่อครับ

ที่นี่มีห้องให้ใช้งานหลายฟังก์ชัน ตกแต่งได้อารมณ์ต่อเนื่องกันทั้งโครงการ

ห้องนี้เป็น Co-Working Space เย็นฉ่ำให้ได้นั่งทำงาน หรือจะพักผ่อนก็ได้ มีโต๊ะเก้าอี้ให้เลือกนั่งหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะ Group Seating หรือเป็นส่วนตัว

หรือใครต้องการความ Private เค้าก็มีห้องประชุมรองรับ 2 ห้องให้ใช้ครับ

ตรงกันข้ามกับห้อง Co-Working Space เมื่อสักครู่ก็คือห้อง Kid’s Room ให้น้องๆ ได้เล่นของเล่นกับเพื่อนๆ ในนี้สบายๆ

ขึ้นมาดูที่ชั้น 2 กันต่อครับ เป็นส่วนไฮไลต์ที่ผมชอบมาก

เพราะเป็นสระว่ายน้ำที่เค้ายกขึ้นมาไว้ชั้นบน ได้วิว Panoramic ชมวิวสวนสีเขียวด้านล่างได้ด้วย และยังทำให้สามารถผ่อนคลายได้อย่างเป็นส่วนตัวครับ ก็มีทั้งสระเด็กและสระผู้ใหญ่นะ วิวตรงนี้ประทับใจจริงๆ

ที่อยู่ถัดกันไปก็ยังมี Facilities ด้านในอีกครับ

ไม่ว่าจะเป็นห้อง Steam & Sauna แยกชายหญิง ออกกำลังกายเสร็จแล้วก็มานั่งอบตัวกันต่อได้

ส่วนห้องสุดทางเดินก็คือ 24-Hrs Fitness ของเค้าครับ มีอุปกรณ์ครบครัน พร้อมความโปร่งด้วยกระจกกับวิวรอบด้าน ใครเลิกงานดึกก็ยังเปิดอยู่ตลอด ไม่ต้องห่วงว่าจะไปฟิตเนสไม่ทันเลยครับ เหลือห่วงแค่จะลากตัวเองไปได้มั้ย ฮ่าๆ วิวสวนสีเขียวเหมือนกัน ออกแบบจัดวางมุมนำสายตาได้ดี

และทั้งหมดนี้ก็คือความสวยงามและความใส่ใจในการออกแบบของโครงการ ‘บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน’ ที่ผมพามาชมนะครับ เรียกได้เต็มปากว่าเป็นบ้านที่อยู่กลางเมืองจริงๆ และยังเป็นซีรีย์ที่ออกแบบได้ละเมียดละไม น่าภูมิใจแทนเจ้าของที่นี่เหลือเกิน ใครสนใจขอให้เตรียมตัวนะครับ เค้ากำลังจะจัด Pre-Sale ในวันที่ 28-29 ตุลาคมนี้ ในราคาเริ่ม 19.9-29 ล้านบาท โทร.นัดคิวเข้าชมได้ที่ 1623 หรือคลิก https://www.apthai.com/th/townhome/baanklangmuang-classe-ratchayothin ได้เลยครับ