รีวิว คอนโด Culture ทองหล่อ แค่ 250 ม. จาก BTS ทองหล่อ มาพร้อม Serviced แบบโรงแรม แถมราคาเร้าใจ เริ่ม 4.09 ล้าน

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก https://anan.ly/3xL1ZyS

สรุปสำหรับคนไม่มีเวลา : นี่เป็นคอนโดแนวคิดใหม่ที่จะ Fulfill your dream in the heart of Bangkok ได้ในราคาที่ไม่น่าเชื่อ เค้าทำได้เพราะที่นี่ให้ความสำคัญกับแนวคิดมากกว่าความหรูหราฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อเรื่องการอยู่ร่วมกับโลกอย่างยั่งยืน เพิ่มประสบการณ์การอยู่อาศัยไปอีกขั้นด้วยการให้บริการระดับโรงแรม มีพื้นที่ส่วนกลางพร้อมเสิร์ฟตลอด 24 ชม. มีห้อง Hybrid พื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น และห้อง Simplex ให้เลือกในราคาเริ่ม 159,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้นครับ

แนวคิดและการพัฒนาโครงการ

นึกถึงทองหล่อ ก็เห็นภาพสีสันและชีวิตชีวาที่แตกต่างกันทั้งกลางวันกลางคืนแบบไม่เคยหลับไหล ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ที่พบปะสังสรรค์ ร้านค้า รายล้อมด้วยแหล่งธุรกิจ โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ แหล่งช้อปปิ้ง แถมยังเดินทางสะดวกด้วยไฟฟ้าสายหลัก เสน่ห์เฉพาะตัวทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งใน Luxury Residential Area ติดอันดับของกรุงเทพ โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ชื่นชอบ และถ้าอยากอยู่คอนโดโซนนี้ คงได้เห็นราคาตั้งแต่ 2 – 3 แสนกว่าต่อตร.ม. กันแบบไม่ต้องสงสัยครับ

ยิ่งแข่งกันแพง กลายเป็นว่าตลาดคนไทยที่เป็น Real demand และหนุ่มสาวออฟฟิศที่มีความฝันอยากอยู่โซนนี้ ไม่มีสินค้าที่สามารถซื้อได้จริงๆ ช่องว่างนี้กลายเป็นโอกาสของอนันดาที่พัฒนาโปรเจคนี้ขึ้นด้วยการตอบโจทย์แนวคิดและวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ ในราคาเริ่มต้นที่ดีกว่าคอนโดที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่ถัดออกไปซะอีก

​คอนโด Culture ทองหล่อ

Culture ทองหล่อ เป็น คอนโดแบรนด์ใหม่ของ Ananda Development ที่ได้รับการปรุงแต่งโดยผสานผู้เชี่ยวชาญด้าน Hardware + Software เข้าด้วยกัน อนันดาถนัดการพัฒนาคอนโดเมืองแนวรถไฟฟ้า เมื่อมาจับมือกับ “Scratch First” ผู้ปลุกปั้นเทศกาล Wonderfruit ให้โด่งดัง มาพร้อมกับจิตวิญญาณและความเชื่อเรื่อง Sustainability รวมถึง “The Ascott Limited” เจ้าของโรงแรมและ Serviced Apartment ทั่วโลก ทำให้ที่นี่เป็นคอนโดที่ไม่เหมือนโครงการอื่นของอนันดาที่เคยมีมาเลย ทั้งมีสไตล์เฉพาะตัว และคู่ควรกับทำเล ในราคาที่จับต้องได้นั่นเองครับ

ภาพรวมโครงการ

Culture ทองหล่อ เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น รวมที่พักอาศัย 493 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 59 เพียง 250 ม. ถึง BTS ทองหล่อ มีที่จอดรถราว 40% เป็นระบบ Auto Parking ทั้งหมด เป็นอาคารสีขาวซึ่งไม่เก็บกักและสะท้อนความร้อนให้กับตัวอาคารได้เป็นอย่างดี ตัดด้วยเส้นสายสีส้มแมนดารินและสีน้ำเงินเข้มเปรียบเสมือนท้องฟ้ายามเย็นของทองหล่อ

จุดเด่นของที่นี่คือเรื่อง Service ที่ได้กลุ่ม Ascott มาดูแลและบริหารจัดการอาคาร มีทั้ง Concierge Service, Laundry & Housekeeping Service แบบ On-Demand, Activity Management ไปจนแม้แต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง เมื่อรวมกับการออกแบบ Facilities เพื่อตอบโจทย์คนสไตล์ “Culture” จึงทำให้ได้เห็นการนำเอาแนวคิดเรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมมาพัฒนาจริง ผ่านการสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนให้เกิดเป็น community โดยเค้าเน้นความสำคัญของ 3 แกน คือ ECO ที่ใช้ Sustainable Material กับพลังงานสะอาด, Air Quality เน้นการใช้พืชฟอกอากาศ ระบบกรอง PM2.5 ร่วมกับการออกแบบทิศทางลมให้อากาศถ่ายเท และ Trash Management ที่มีระบบแยกขยะ, Recycle Machine รวมถึงจุดบริการน้ำดื่มสะอาดเพื่อลดขยะพลาสติกให้น้อยลงครับ แนวคิดนี้เป็นเรื่องที่ดีและควรทำ

พื้นที่ส่วนกลางให้บริการแบบ 24 ชั่วโมง สอดรับกับชีวิตปัจจุบันให้เราทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ ในพื้นที่ Co-Living Area และ Co-working Space (ชั้น 1 – 2) ที่มีโซนให้ใช้งานหลากหลายท่ามกลางพื้นที่สีเขียวที่เข้ามาอยู่ภายในโครงการเลย มี VDO Call Booth และโซน Live Studio รองรับการทำงานเฉพาะของแต่ละคนได้ด้วย มี Active Zone ที่ชั้น 11 ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ, ออนเซ็น, ฟิตเนส, สวนและพื้นที่นั่งพักผ่อน โดยชั้นนี้มีสระว่ายน้ำให้เลือกทั้งว่ายคนเดียวใน Private Pool เป็นแช่น้ำชิลล์ๆ ใน Relaxing Pool ก็ได้

สุดท้ายมี Triple-floor Facilities ที่ชั้น 33 – 35 ที่มีทั้ง Sky Lounge, ห้อง Cinema/Karaoke, Private Dining และสวนให้ออกไปสูดอากาศที่ชั้นบนในวิวที่สวยที่สุดของอาคารด้วยครับ

Unit และ ราคา

ห้องที่นี่มี 2 รูปแบบ ทั้ง Simplex เพดานสูง 2.6 ม. ที่ชั้น 12-19 และรูปแบบห้อง Hybrid พื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น เพดานสูง 4.3 ม. ที่ชั้น 20-36 ครับ อาคารจัดเรียง Floor Plan ด้วยการวาง Core Lift ไว้ตรงกลาง ห้องพักอาศัยอยู่รอบๆ โดยเปิดประตูมาไม่ชนกับห้องอื่นเลย และชั้นบนๆ ที่อยู่ร่วมกับ Facilities ก็จะเป็นส่วนตัวมากเพราะมียูนิตน้อยกว่าชั้นอื่นครับ

  • ห้อง Simplex ประกอบด้วย Studio ขนาด 24-27.5 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 31-34 ตร.ม. เป็นรูปแบบครัวปิดทั้งหมด รวมถึงมีพื้นทำงานส่วนตัวอยู่ติดกระจกเข้ามุมด้วย และ 2 Bedroom ขนาด 51.5 ตร.ม. ที่เป็นห้องหน้ากว้าง ออกแบบได้เป็นสัดเป็นส่วนที่ดี แถมมี Bathtub ในตัว
  • ห้อง Hybrid ประกอบด้วย Studio Hybrid ขนาด 24.5 – 31.5 ตร.ม. (เฉพาะชั้นล่าง), 1 Bed Hybrid 32-34 ตร.ม. (เฉพาะชั้นล่าง) ทั้ง 2 รูปแบบ Layout คล้ายๆ กัน ได้ความสูงโปร่งแบบ Double Volume บริเวณ Living Area และ ห้อง 2 Bed Hybrid 51 ตร.ม. (เฉพาะชั้นล่าง) ห้องหน้ากว้างที่มี Living Area ถึง 2 ชั้นให้ใช้งาน โดยทุกห้องมีจุดสำหรับ Work From Home ได้สะดวกอยู่คู่กับกระจกเข้ามุมบานใหญ่สวย น่าใช้ ตอบโจทย์ชีวิตปัจจุบันครับ

ที่นี่มีให้เลือกทั้งรูปแบบ Fully-Furnished ออกแบบร่วมกับ Ascott ทั้งหมด ให้เฟอร์นิเจอร์ครบทุกชิ้น รวมไปจนกระทั่งข้าวของเครื่องใช้ ช้อนส้อม และห้องแบบ Fully-Fitted ตกแต่งเฉพาะครัว ตู้รองเท้า และภายในห้องน้ำ มาพร้อมแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น และ Rain Shower ให้ทุกห้อง แต่ถ้าเป็นห้อง 2 Bedroom หรือ 1 Bed Hybrid ขึ้นไป จะได้เพิ่มเป็นเครื่องทำน้ำร้อนแทนครับ

ที่นี่ราคาเริ่มต้นที่ 4.09 ล้านบาท (เฉลี่ยเริ่ม 159,000 บาท/ตร.ม. และก็วิ่งอยู่ที่ราวแสนกว่านี่แหละ) เรื่องราคานี่เป็นอะไรที่เป็นจุดตัดสินใจได้ดีมากสำหรับโครงการนี้นะ ทำมาได้ดีมาก ยังเคยเห็นคอนโดที่อยู่ในแนว BTS ห่างออกไปจากทองหล่อเริ่มต้นแพงกว่านี้อีก เมื่อคำนวณกับขนาดห้องทำให้ราคารวม Pack Price จับต้องได้จริงๆ เป็นโอกาสสำหรับทุกคนที่ฝันอยากอยู่โซนนี้ที่ควรจะเข้าไปดูครับ

ที่โครงการก็มีห้องตัวอย่าง 3 ห้องแบบที่เราพาชมในวันนี้ทั้งหมดครับ ใครที่สนใจก็สามารถคลิกลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษออนไลน์ได้ที่นี่เลย >> https://anan.ly/3xL1ZyS

#LivingSneakPeek #รีวิวคอนโด #CultureThonglor #AnandaDevelopment

Review Culture Thonglor

เอาละครับ เราไปชมกันว่าคอนโดที่ออกแบบมาใหม่เพื่อคน “Culture” นี้จะเป็นยังไง

ตามไปดูกันเลย

ตัวสำนักงานขายอยู่ที่ Site โครงการเลยในซอยสุขุมวิท 59 หาไม่ยากเพราะจะเห็นสีเหลือง ส้ม โดดเด่นมาแต่ไกล ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ใหญ่ตัวแทนของธรรมชาติที่เป็นหัวใจของโครงการเช่นกัน

มุมด้านนอกนี้มานั่งเล่นถ่ายรูปได้สวยๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวแกนต่างๆ ของโครงการที่ไม่เหมือนใครได้อย่างดี

ภายใน Sales Gallery ก็จะได้สัมผัสงานดีไซน์ของพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนฝั่งด้านซ้ายในภาพจะเป็นการบอกเล่า Core Concept ของโครงการ 4 แกน ได้แก่ Service, Community, Sustainability และ Urban ครับ

สีสันและงานดีไซน์ของตัวอาคารถือว่าฉีกแนวจากคอนโดเดิมที่อนันดาเคยทำเลย เลือกใช้สีอ่อน และลดโทนความเป็น Futuristic ลงไป แต่ได้ความเก๋ของสีสดที่นำมาตัด และความโค้งมนเข้ามาเติม

โซน Sky Lounge ชั้น 33-34 ที่มีทั้ง พื้นที่นั่งพักผ่อนหลายรูปแบบ, Live Studio, Cinema / Karaoke Room, Private Dining

พื้นที่ Co-Working Space ที่เปิดตลอด 24 ชม. จะเห็นว่าในพื้นที่ส่วนกลางของที่นี่ เค้าจะเติมพืชพรรณ เข้ามาอยู่ภายในเลยให้ความรู้สึกได้ใกล้ชิดธรรมชาติตลอดเวลา

เอาละพาไปดูห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ขอเริ่มด้วยห้องเริ่มต้นของโครงการห้อง Simplex แบบ Studio ขนาด 25.5 ตร.ม. ห้องนี้จะเป็นห้องที่เค้าตกแต่งด้วย Furniture ที่คัดสรรโดย Ascott ทั้งหมด แบบ Fully-Furnished ครับ

เข้าไปโซนแรกจะเป็นครัวก่อน ในรูปแบบครัวปิด ทั้งพื้นและผนังในส่วนใช้งานครัวออกแบบมารองรับไว้หมดแล้ว Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ทั้งห้องน้ำ และเครื่องซักผ้าอยู่ในโซนนี้หมดเลย จัดการอยู่ในที่เดียวกัน บานตู้สีอ่อนเค้าทำมาให้หมด รวมไปถึงตู้เก็บรองเท้าที่อยู่หน้าบานเลื่อนด้วยครับ

ติดตั้งราวแขวนเพื่อใช้งานในครัวได้เพิ่มเติมมาด้วย ตรงนี้มีที่วางโทรศัพท์ด้วยนะ ได้ทดลองทำเมนูอร่อยจากลายแทงในยูทูป อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเป็นของ MEX ครับ

ในห้องน้ำเค้าก็รักษาโทนคลีนๆ แต่ผมชอบที่มีสีสันต่างๆ มาตัดให้ดูไม่จืดเกินไป ทั้งวัสดุปูพื้นและผนังฝั่งเคาน์เตอร์ ทุกห้องได้ Rain Shower ด้วยนะ ซึ่งเค้าเลือกสีบรรดาก๊อกต่างๆ ให้เข้มตัดมาเพิ่มอีกด้วย ติดตั้งกระจกอาบน้ำแบ่งส่วนเปียกแห้งมาให้ไว้แล้ว พร้อมเจาะช่องวางสบู่แชมมาให้ครบ

 

สุขภัณฑ์และ Faucet เป็นซีรีย์เท่ๆ ของ Hafele ครับ

ผ่านบานเลื่อน 3 ตอนเข้ามา ด้านในห้องเป็น Living Area แบบ Open Plan เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่เป็นลอยตัว ไม่ว่าจะโซฟา, เตียงนอน, โต๊ะรับประทานอาหาร, โต๊ะทำงาน โครงการเลือกมาเข้าโทนกันนะ ทั้งสีครีม-เทาอ่อน ร่วมกับโครงเหล็กสีเข้ม

จุดเด่นก็คือโซน Work From Home ที่เป็นฟังก์ชั่นยอดฮิตที่ต้องมี เค้าจัดไว้ให้ริมหน้าต่างบานใหญ่ที่เป็นกระจกเข้ามุมด้วย น่าใช้งานมากๆ

ฝั่งปลายเตียงเป็นที่ตั้งของชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่ใช้กระจกตกแต่งเพิ่มมุมมองให้ห้องกว้างขึ้น

ใครที่ชอบห้อง feel โรงแรม อยากได้เฟอร์นิเจอร์คุมโทนทั้งหมด ก็ลองมาดูตัวอย่างห้องจริงที่ห้องแรกนี้ได้ครับ

จาก Studio แบบ Simplex ขอพาไปดูต่อด้วย Studio แบบ Hybrid กันเลยครับ

สิ่งที่เหมือนกันคือเข้ามาพบกับครัวก่อนเช่นกัน อารมณ์และฟังก์ชั่นในครัวนี้ก็เหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ

ในห้องน้ำมีสลับตำแหน่งของที่ตั้งสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือกันนิดหน่อย แต่ฟังก์ชั่นเหมือนกันครับ

ห้องครัวดีไซน์เดิมเป๊ะเลย มาพร้อมเตาไฟฟ้า 2 หัว

ความพิเศษของห้องนี้มันอยู่ข้างในนี่แหละครับโปร่งสบายด้วยพื้นที่ Double Volume สูง 4.3 ม. ในส่วนของนั่งเล่น ซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนที่อยู่ติดกับกระจกด้วย

มุมทำงานส่วนตัวของห้องนี้ก็เลยพิเศษไปอีกขั้นด้วยกระจกเปิดรับแสงธรรมชาติเต็มๆ ตา

โซฟาจัดวางได้กว้างตามแนวลึกห้องได้เลย และระยะดูทีวีก็สบายตาอยู่นะ ส่วนพื้นที่ห้องนอนเค้ายกไปอยู่ข้างบนหมดเลยครับ

ขึ้นไปชั้น 2 ดูซิ

มองลงไปก็สัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่งเต็มตา

ข้างบนนี้เป็นห้องนอนครับ รอบๆ เตียงยังมีพื้นที่ทางเดินเหลือเฟือ ยังเอาไปทำเป็นตู้เสื้อผ้าได้อีก ห้องนี้เป็นสตูดิโอที่ไม่รู้สึกว่าเล็กเลย เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของแบบ Hybrid ที่น่าสนใจครับ

เดี๋ยวไปดูห้องสุดท้ายเป็นห้อง Simplex แบบ 1 Bedroom ขนาด 32.5 ตร.ม. กันบ้างครับ

ห้องที่นี่ได้เป็นครัวปิดทั้งหมดเลยนะ ซึ่งพอผมอยู่ห้องที่เป็นครัวเปิดนานๆ เข้า ก็รู้สึกอยากได้ห้องครัวปิดเหมือนกัน เพราะมันจัดการเรื่องกลิ่นอาหารได้ดีกว่า

ห้องน้ำก็อยู่ฝั่งนี้ด้วยเหมือนกันทุกห้องครับ

ห้องนี้จะมีพื้นที่เป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น และมีบานเลื่อน 2 ตำแหน่ง ที่กั้นระหว่างครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอนเป็นพื้นที่แต่ละส่วนแยกจากกันครับ

โซน Living Area นั่งดูทีวีสบายๆ อีกเหมือนกัน และพอจะมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะกินข้าวขนาดเล็กเพิ่มได้ด้วย ต่างจากสตูดิโอห้องแรกที่เราพาชมครับ

ด้านในเป็นพื้นที่ห้องนอน ที่ยังรักษาความโปร่งของห้องด้วยหน้าต่างบานใหญ่ให้แสงมาถึงห้องนั่งเล่นด้วย

ส่วนที่ได้เหมือนกันทุกยูนิตก็คือมุมสำหรับนั่งทำงานในห้องนี่แหละครับ

มุมสวย แสงดี ไอเดียก็บรรเจิดเนอะ

มองย้อนกลับไปทางหน้าห้องก็จะเห็นว่าห้องนี้ออกแบบพื้นที่ได้กว้างน่าใช้งานทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นเลยครับ

แล้วก็ครบแล้วทั้งหมด 3 ห้องตัวอย่างที่เราพาชมนะครับ

ผมแปะ Room Plan ของอีกห้องที่น่าสนใจคือ 2 Bedroom ขนาด 51 ตร.ม. มาเผื่อด้วย มี Bathtub ให้ด้วย และด้วยความที่ขนาดห้องไม่ใหญ่มากเกินไป เราก็จะได้ห้อง 2 Bedroom ย่านทองหล่อที่ราคา 8 ล้านต้นๆ ให้เลือกนะ คุ้มราคาเลย

ทั้งหมดนี้ก็คือความน่าสนใจของ “Culture ทองหล่อ” แบรนด์ใหม่ล่าสุดของทาง Ananda Development ครับ เป็นการปักธงซีรีย์ใหม่ของเค้าด้วยความตั้งใจที่จะทำให้คอนโดเป็นมากกว่าวัตถุที่จับต้องได้ แต่เป็นศูนย์รวมของคนที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน พร้อมกับการบริการระดับโรงแรมที่ช่วยให้เราสะดวก และได้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างใจในทำเลที่ต้องการ สมกับความเป็น “NEW TRIBE OF URBAN LIVING” ครับ

ใครที่สนใจก็อย่าลืมคลิกลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ที่นี่เลยครับ https://anan.ly/3xL1ZyS