แหวกว่ายกลางน้ำใสในเกาะกูด สนุกให้สุดกับทุก Activities ที่ Tinkerbell Resort พร้อมสิทธิพิเศษฟรีสำหรับแฟนเพจ Living Sneak Peek ที่นี่ที่เดียว

ช่วงที่ผ่านมาผมหลบพักจากความวุ่นวายในเมือง อยากมุ่งหน้าพาตัวไปจุ่มทะเล แต่โจทย์คืออยากเห็นน้ำใสๆ หาดทรายขาวเม็ดละเอียด มันไม่สามารถเป็นจริงได้ในชายหาดใกล้ๆ ไม่ว่าจะพัทยา หรือหัวหิน ซึ่งมันก็ต้องเป็นเกาะนี่แหละถึงจะให้เราได้ แต่ด้วยเวลาที่มีไม่กี่วัน สุดท้ายก็ตัดสินใจกันกับคนข้างตัวว่า “เราไปเกาะกูดกันเถอะ” เพราะเดินทางค่อนข้างง่าย 5 ชม.ขับรถ จาก กทม. บวกกับอีก 1 ชม. นั่งเรือ เราก็สามารถไปถึงกันได้ในหนึ่งวัน และนั่นก็กลายมาเป็น Koh Kood First Time ของผมนั่นเองครับ

เรียกว่าตั้งแต่ก้าวแรกที่จุ่มลงน้ำที่นี่ ก็รู้สึกฟินเหลือเกิน น้ำใสแจ๋วทั่วเกาะ แถมด้วยหาดทรายละเอียดน่าเดินไม่รู้เบื่อ ผมอยากบอกว่าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เหมาะกับการไปเที่ยวแล้วนะครับ ไม่มีฝนเลย มีแต่ความใสสว่างของน้ำทะเลที่มองได้เห็นไปจนผืนทรายด้านล่าง ใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติแบบนี้ก็ควรจะลองมาเกาะกูดสักครั้ง แต่ถ้าไม่อยากชิลล์แบบธรรมดา ผมจะพาทุกคนไปดูกิจกรรมหลายหลากเหมือนโฆษณาประกันชีวิตกันที่ “Tinkerbell Resort” ที่นี่เป็นหนึ่งในเครือใหญ่ของ Captain Hook Group กับ 5 รีสอร์ทในเครือประกอบด้วย Captain Hook, Peter Pan และ Wendy The Pool และ The Little white bird ​ ที่นอกจากจะมีที่พักหลากหลายรูปแบบให้เลือกในเกาะกูดแล้ว ก็มีร้านอาหาร พร้อมบริการแบบ Full Board กินกันได้ทุกมื้อไม่ต้องไปหาที่ไหน

และสิ่งที่ช่วยทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็คือ สารพัดกิจกรรมให้ทำ ตอบโจทย์ทุกคน ไม่ว่าจะเที่ยวน้ำตก, แล่นเรือใบ, พายคายัค, ส่องหิ่งห้อย, โชว์ควงกระบองไฟ ที่ขาดไม่ได้ คือ การไปดำน้ำใสๆ ของที่นี่ สำหรับเบบี๋ดำน้ำอย่างผมแถมสายตาสั้นอีก การดำน้ำตื้นที่นี่ก็เลยเป็นสเตปแรกที่น่าลอง (เตรียมสนอกเกิ้ลพร้อมเลนส์สายตาเรียบร้อย) และมันก็ตื่นตาตื่นใจจริงๆ ครับ เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย ทุกกิจกรรมเค้ามีพนักงานที่คอยดูแลแบบเป็นกันเอง และปลอดภัย (อย่างตอนดำน้ำผมก็เกาะห่วงยางไปเรื่อยๆ ไม่เหนื่อย เพราะเค้าลากไปอย่างเดียว 55)

สุดท้ายนี้ผมได้นำภาพกิจกรรมพร้อมรีวิวที่พักให้เป็นไอเดียว่าเราจะได้ทำอะไรบ้างที่นี่ พร้อมกับมุมถ่ายรูปสวยๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำมาฝากกันด้วยครับ ใครที่สนใจอยากไปพักเหมือนกัน จัดไปได้เลย เพราะ Living Sneak Peek ​ ร่วมกับทาง Captain Hook Group มอบสิทธิพิเศษให้ทุกคนที่จะไปพักด้วยครับ (เฉพาะการเดินทางในเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น ยกเว้นคืนวันที่ 16-19 พ.ย. และไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรอื่นได้ครับ) รายละเอียดตามนี้นะ

  • สิทธิพิเศษฟรีห้องพักอีก 1 คืนต่อเนื่อง เมื่อจองแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืนที่ Tinkerbell Resort และ Wendy The Pool Resort ​
  • สิทธิพิเศษอัพเกรดห้องพักฟรี! สำหรับการเข้าพักอย่างน้อย 2 คืน ที่ Captain Hook และ Peter Pan Resort

กติกาง่ายๆ เพียงแชร์โพสต์นี้จากเพจ Living Sneak Peek ตั้งเป็นสาธารณะพร้อมกับ Tag เพจเค้าให้รู้สักหน่อยที่ ​ https://www.facebook.com/TinkerbellPrivacy เสร็จแล้วแคปภาพส่งมาติดต่อจองผ่านทาง Line Official ได้เลยที่ @captianhookgroup หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/%40captainhookgroup รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 020989545 ครับ

#LivingSneakPeek #SneakLife #เกาะกูด #Captainhookgroup #TinkerbellResort

Koh Kood - Tinkerbell Resort

ขอเปิดด้วยภาพที่ผมประทับใจไม่รู้ลืมกับน้ำใสๆ ของเกาะกูดนั่นเอง

ที่พักในเครือ Captain Hook Group จะอยู่ใกล้ๆ กันทั้งหมดนะครับ ที่ผมไปพักคือ Tinkerbell Resort ครับ

ที่นี่เค้ามีเรือส่วนตัวพร้อมที่จอดรถรับส่งจากฝั่งตราดนะครับ สบายใจได้ ผมเองพักที่อื่นก่อนมาต่อที่นี่ ต้องนั่งเรือเอกชนมาที่เกาะครับ

เห็นทางเข้าแบบนี้ไม่เคยนึกเหมือนกันว่ารถจะถอยหลังเข้าตลอด เป็นวิธีเข้าแบบไม่เหมือนใคร นั่งรอบแรกก็แอบสงสัย 55

ที่พักที่นี่มี 2 รูปแบบครับ คือ Beach Front Villa ที่อยู่ติดหน้าหาดเลย และแบบ Pool Villa ที่อยู่ถัดเข้ามา ผมพักแบบ Beach Front ก็บรรยากาศดีมาก แต่ Pool Villa ก็จะเป็นส่วนตัวกว่านะ เดี๋ยวจะพาไปดูทั้งสองแบบเลยครับ

เริ่มกันที่แบบ Beach Front Villa กันก่อน แต่ละหลังก็มีรั้วต้นไม้กั้นกันเพื่อความเป็นส่วนตัว

แต่ฝั่งหน้าหาดก็จะมีพื้นที่เปิดโล่งให้เดินได้อยู่นะครับ และในความเป็นจริงก็จะมีคนเดินไปเดินมาบ้าง วันดีคืนดีก็มีฝรั่งมายืนออกกำลังกายอยู่หลังบ้าน

ด้านในก็จะเป็นสไตล์บ้านตากอากาศ มีทั้งวัสดุไม้และปูนเปลือย ตู้เสื้อผ้าก็จะเป็นแบบเปิดแบบนี้ มีอุปกรณ์ไว้ครบครับทั้งรองเท้าแตะและ Slippers ชุดคลุมอาบน้ำ ร่มต่างๆ

อีกฝั่งนึงเป็นโซนอ่างล้างหน้า มีคู่กันแบบ His & Her แปรงฟันล้างหน้าได้พร้อมๆ กันเลย

ห้องน้ำเข้าได้จากข้างๆ อ่างล้างหน้านี้เลย กว้างขวาง แยกโซนเปียกแห้งไว้ห่างกันใช้งานสะดวกนะ

ภายในห้องนอนก็เป็นวัสดุไม้เป็นหลัก ฝั่งนึงเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ อีกฝั่งนึงก็เป็นโซนที่วางทีวี นั่งทำงานได้ พร้อมกับส่วนมินิบาร์ภายในห้อง ตัวเพดานสูงโปร่ง สบายๆ และที่ขาดไม่ได้เปิดรับวิวทะเลเต็มตาทางด้านนอก ก็เป็นวิวพิเศษสำหรับ Beach Front แหละนะ

อันนี้ที่ผมชอบคือมีที่ล้างตัวล้างเท้าอยู่ระหว่างขึ้นและลงจากชานบันได สะดวกมากได้ใช้ตลอด

ด้านหลังบ้านที่อยู่ติดหาดมีที่นั่งพักผ่อนทั้งที่อยู่ติดกับบันได และเก้าอี้ชายหาดคู่บนผืนทรายส่วนตัว

ช่วงแดดร่มๆ มานั่งตรงนี้ ชิลล์มากครับ

บ้านอีกแบบนึงที่อยู่ด้านในก็จะเป็นแบบ Pool Villa มีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้เล่นพร้อมมุมนั่งๆ นอนๆ อยู่ข้างๆ ตกแต่งไว้ร่มรื่นสไตล์ Tropical เลย

เค้าใช้วัสดุตกแต่งที่ดูเป็นไทยผสมผสานลงไปนะ ห้องที่นี่ก็จะเพดานต่ำกว่า Beach Villa หน่อย แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะมี 2 ชั้นครับ

ห้องน้ำก็เปลี่ยนสไตล์จาก Beach Front Villa ลดความเป็นลอฟท์ลงมา และได้อ่างล้างหน้าเดี่ยวครับ

ทางเดินขึ้นชั้นสองซ่อนอยู่หลังบานเลื่อนนี้เดี๋ยวพาไปดูกัน

ข้างบนก็เหมือนเป็นโซนนั่งเล่นส่วนตัวแบบ Semi-Outdoor พร้อมห้องอาบน้ำรับลมทะเลบนนี้อยู่ด้านใน

ส่วนด้านหน้าก็ไปชมวิวทะเลสวยๆ ได้ในแนวระเบียงที่หันไปหน้าบ้านครับ

สำหรับคนที่ซื้อแพ็คเกจมาแบบ Full Board เค้ามีอาหารให้กินแบบบุฟเฟต์ทุกมื้อแถมเป็นซีฟู้ดด้วยนะ ไปลองชิมกันได้ แต่ที่มีบริการเป็นพื้นฐานสำหรับทุกแพ็คเกจก็คือมุมเครื่องดื่มตลอดวัน และไอติมกะทิ ซึ่งอร่อยแต่หมดเร็วเหลือเกิน

ฝั่งด้านหน้าร้านอาหารมีสระว่ายน้ำแบบ Free Form หันหน้าสู่ทะเลนะครับ ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็พอเล่นสนุกกันได้ในครอบครัว ใครไม่จุใจก็โน่น สระว่ายน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตาอยู่หน้าเรานี่เอง

ถัดออกไปก็มีมุมให้นั่งพักผ่อนในหน้าหาดส่วนตัว เดี๋ยวผมจะนำภาพกิจกรรมมากมายของที่นี่มาฝากกันบ้าง

เริ่มจากนี่เลยครับพายคายัค นอกจากจะพายได้สวยๆ หน้ารีสอร์ท ถ้าแข็งแรงก็พายไปในคลองข้างๆ ได้ เป็นอีกบรรยากาศที่มีป่าโกงกางตลอดสองข้างทาง

หน้าตาแบบนี้ครับ ซึ่งถ้าตกกลางคืนเค้าจะมีกิจกรรมที่พามาที่นี่อีกทีนั่นก็คือการส่องหิ่งห้อยนั่นเอง

ใครอยากเก็บภาพก็จะได้แอ๊คชั่นสวยๆ ท่ามกลางน้ำใส

หรือจะนอนชิลล์ทิ้งตัวไปเพลินๆ แบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ

ถ้าใครไม่อยากออกแรงเอง ขอให้ลองนี่ครับ กิจกรรมแล่นเรือใบที่ Lifeguard เป็นสต๊าฟดูแลใกล้ชิด ปล่อยให้เค้านำเราไป แต่อย่าลืมโบะกันแดดก่อนล่วงหน้า เพราะถ้าอยากได้ภาพสวย ต้องยอมร้อนครับ ฮ่าๆ

ถ่ายจากบนเรือก็ได้มุมสวยๆ เหมือนกันนะ เก็บไว้อัพ IG ได้อีก กิจกรรมนี้สบายแล้วได้รูปสวยๆ เยอะเลยครับ

สำหรับสายเขียวรักธรรมชาติ ต้องนี่เลย มุ่งหน้าสู่น้ำตกคลองเจ้า

จะต้องมีเดินผ่านป่าเขาลำเนาไพร และปีนโขดหินน้อยใหญ่นิดนึง แต่เป็นเลเวลที่ไม่ลำบากนะ

ด้านในก็จะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เป็นจุดเล่นน้ำที่สนุกอีกอันนึงสำหรับคนที่มา ให้ได้ห้อยโหน โจนทะยาน กระโดดลงน้ำสนุกสนาน เป็นอีกฟิลนึงที่ไม่เหมือนกับเล่นน้ำทะเลครับ ใครไม่เล่นก็นั่งพักสบายๆ ลมเย็น อากาศดีมาก

อีกกิจกรรมนึงซึ่งทุลักทุเลในการถ่ายภาพหน่อยต้องขออภัย 55 พยายามเอาไปถ่ายให้ครบทุกอย่างแต่งานนี้ต้องระวังกันนิดนึงถ้าอยากได้ภาพ นั่นก็คือกิจกรรมดำน้ำตื้น เค้ามีอุปกรณ์ทั้งแว่นตาและสนอกเกิ้ลให้พร้อมนะครับ นั่งเรือออกไปจากท่าเรือที่กัปตันฮุครีสอร์ท ประมาณ 45 นาที แต่คุ้มค่าทุกเวลาที่เสียไป เค้าจะมีจุดให้เราได้ลองอุปกรณ์ก่อนไปดำจริงบริเวณเกาะรัง ซึ่งได้เห็นปะการังและปลาน้อยใหญ่อยู่เต็มไปหมด ที่ผมชอบคือกิจกรรมนี้เค้ามีผู้นำ ที่จะคอยดึงห่วงยางลากเราไป ถ้าใครเหนื่อยล้าหรือว่ายน้ำไม่เปนก็แค่เกาะห่วงยางไว้แน่นๆ แล้วก็ปล่อยให้เค้าลากจูงเท่านั้นเอง สวยและประทับใจมากครับ

เล่นกันจนเหนื่อยขอกลับขึ้นบกมาเติมพลังกันบ้าง ผมพามาดูกันที่ร้านอาหารของ Wendy The Pool รีสอร์ท หนึ่งในเครือของเค้าเช่นกัน

อยู่ติดหน้าหาดยามเย็น แสงสวยและบรรยากาศดีมากครับ

ที่นี่เค้าก็เน้นสระว่ายน้ำใหญ่ๆ ตามชื่อ เป็นที่พักที่ดูโมเดิร์นสไตล์แตกต่างจากที่ Tinkerbell แต่ไม่มีที่พักแบบ Beach Front นะ

ที่มีบริการบุฟเฟ่ต์อาหารเย็นที่เป็นซีฟู้ดแบบเค้าจัดเมนูมาให้ แล้วเราเลือกเติมเมนูเหล่านั้นได้ตลอดครับ ใครชอบกินปูก็มีปูนึ่งสดๆ เป็นหนึ่งในเมนูเหมือนกัน

กิจกรรมเยอะมากมาย เราก็เอาให้แน่น ตบท้ายด้วยของหวานที่มีให้ล้างปากด้วย

แล้วอาทิตย์ก็เริ่มลับสายตาลงไปพอดีครับ

กลับไปสู่ที่พักของเรา เวลาแบบนี้ก็จะได้แสงอีกแบบ ใครชอบถ่ายรูปมาเก็บบรรยากาศยามเย็นเดินเล่นที่หน้าหาดได้ สวยเลย

เมื่ออาทิตย์ลับของฟ้า กิจกรรมเราก็เริ่มอีกครั้งครับ คราวนี้เค้าพาเราไปที่จุดคลองเมื่อตอนกลางวัน ไปดูหิ่งห้อยที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมชิลล์ๆ ที่ทำได้เฉพาะกลางคืนนี่แหละ

ยัง ยังไม่หมด ถ้าตะกี๊มันนิ่งไป ขอเพิ่มความตื่นเต้นด้วยการควงกระบองไฟต่อ แล้วไม่ได้ควงแบบธรรมดา มีทั้งเป็นเหมือนลูกข่าง เอามาส่ายเอวเหมือนฮูล่าฮูป มีทั้งต่อตัวควง และไฟหลากหลายรูปแบบ เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้เกรียวกราว

โดยหลังจบงานถ้าไม่สะใจ มีบริการถ่ายรูปให้ไปอยู่อย่างใกล้ชิดครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือ 3 วัน 2 คืน ที่ Tinkerbell resort ของผม นอกจากความประทับใจจากธรรมชาติที่สวยสดงดงาม และน้ำใสๆ ของเกาะกูด ก็ยังมีกิจกรรมสนุกให้ทำแบบที่คาดไม่ถึงรอเราอยู่ที่นี่ ใครที่อยากมาพักเหมือนกันก็อย่าลืมไปรับสิทธิอัพเกรดที่พักได้นะครับ ดูรายละเอียดที่หน้าโพสต์ได้เลย แล้วไปสร้างความทรงจำในแบบที่คุณชอบที่เกาะกูดกันครับ