Lumpini Park วิภาวดี-จตุจักร คอนโดแต่งครบกลาง Mix-used จาก LPN

คนเราทุกวันนี้แม้จะใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกซะเยอะ ไม่ว่าจะทำงาน เที่ยวเล่น ออกกำลังกาย หรือไปสังสรรค์กับเพื่อน แต่เมื่อถึงเวลาเหนื่อยล้า อยากพักผ่อน เราก็จะนึกถึงบ้านเสมอ เหมือนที่เค้าเคยพูดกันว่า ไม่มีที่ไหนสุขใจเหมือนอยู่บ้าน พอพูดถึง “บ้าน” จริงๆ มันก็มีหลายความหมายให้เราคิดถึงนะครับ บางทีก็นึกถึงโครงสร้าง นึกถึงแอร์เย็นฉ่ำ นึกถึงเตียงนุ่มๆ หรือมุมนั่งเล่นโปรด แต่บางทีก็นึกถึงคนที่อยู่ในบ้านด้วยเหมือนกัน จริงๆ แล้วความสุขของการอยู่บ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยอื่นๆ มันก็คงไม่ได้มีเพียงแต่สเปค ความหรูหรา หรือความสะดวกสบายไปทั้งหมด แต่สิ่งที่ทำให้บ้านน่าอยู่ ก็ยังมีความรัก ความอบอุ่น และการเอาใจใส่ดูแลที่ทำให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้แอบดูพลอยคิดถึงผู้พัฒนาโครงการที่เอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่และการดูแลภายหลังลูกบ้านเข้าอยู่อาศัย เจ้าของวลี “ชุมชนน่าอยู่” หรือ Lumpini Park นั่นเองครับ

สำหรับคราวนี้ชุมชนน่าอยู่ของ LPN กว้างขึ้น และไม่ได้หยุดอยู่แค่บ้าน แต่รวมไปถึงอาคารสำนักงาน และพื้นที่ร้านค้าต่างๆ ภายในพื้นที่ Mixed-use ขนาด 8 ไร่กว่า ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณซอย 3 พื้นที่ตรงนี้ในอนาคตจะกลายเป็นอาคารทั้งหมด 4 อาคาร ได้แก่ อาคารสำนักงาน Tower A สูง 21 ชั้น, อาคารสำนักงาน Tower B สูง 17 ชั้น, อาคารจอดรถสูง 8 ชั้น และสุดท้ายที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้คือ อาคารชุดพักอาศัยสูง 21 ชั้น ภายใต้ชื่อว่า “Lumpini Park วิภาวดี-จตุจักร” นั่นเอง เอง เอง..

โครงการมีพื้นที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 21 รวม 736 ยูนิต Type ของห้องแบ่งเป็น Studio 24.00 ตร.ม., 1 Bedroom 28.50 ตร.ม. (อันนี้บางห้องจะได้กระจกเข้ามุมแบบห้อง Corner ด้วย), 1 Bedroom 33.50 ตร.ม. และสุดท้ายคือห้องใหญ่อลังการ 2 Bedrooms ขนาด 53.00 ตร.ม. ครับ สำหรับส่วนกลางที่นี่เค้าจัดให้แบบครบครันจริงๆ ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool  ที่ชั้น Rooftop อาคารจอดรถ, Co-working area ที่มีทั้งด้านในอาคาร และอยู่ท่ามกลางสวน , Fitness, ส่วนออกกำลังกาย Outdoor ที่มีทั้งสนามสตรีทบาส, ลานโยคะ, และจัดมุมพักผ่อนเพื่อให้เป็นพื้นที่พักหายใจสูดอากาศของชาวคอนโด เค้าจัดพื้นที่แบบ Co-Living Area  กลางสวน และมีสวนแบบ Pocket Garden กระจายไปตาม Stack ชั้นต่างๆ ของอาคารเพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจภายในตัวตึกด้วยครับ

วันก่อนเราพาไปชมพื้นที่และทำเลรอบโครงการกันไปแล้ว วันนี้จะพาไปดูห้องตัวอย่างซึ่งเค้าจัดไว้เกือบครบทุก Type เลยครับ และที่นี่ขายแบบ Fully-Furnished ด้วย เรียกว่าใครอยากได้ห้องแบบครบๆ ก็ดูได้จากห้องตัวอย่างนี่แหละ เติมของอะไรอีกนิดหน่อยก็ทำให้ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องการเข้าอยู่แล้ว จากที่ได้แอบส่องมา แอบดูว่าแม้ห้องที่เล็กที่สุดขนาด 24.00 ตร.ม. ก็ยังดูอยู่สบายนะ เพราะ Layout ห้องได้พื้นที่หน้ากว้าง พอวางเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็นก็ยังดูโปร่งสบาย ถ้าใครชอบแนว Studio ห้องที่นี่ก็น่าจะถูกใจครับ ส่วนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.49 ล้านบาท (ประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม.) ซึ่งนอกจากเฟอร์นิเจอร์แล้วก็ยังได้แอร์ และเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยคร้าบ

สุดท้ายนี้ ก่อนจะพาไปดูห้องตัวอย่างพร้อมๆ กัน ก็นึกถึงเรื่องราวที่เกริ่นไว้ตอนเริ่มต้น เกี่ยวกับคำว่าบ้าน สำหรับภาษาไทย อาจจะมีคำที่สื่อความหมายถึงบ้านแค่คำเดียว แต่ในภาษาอังกฤษ นอกจากคำว่า “House” ที่สื่อถึงแค่โครงสร้างและกายภาพของบ้านแล้ว ก็ยังมีคำว่า “Home” ที่สื่อความหมายลึกซึ้งมากขึ้นเพราะมันรวมถึงความรู้สึกที่อยู่ในบ้านเข้าไปด้วย เหมือนสำนวนที่ว่า “A House is made of brick and stone. A home is made of love alone.” นอกจากโครงสร้าง และสเปคต่างๆ แล้ว สิ่งที่ทำให้บ้านหรือชุมชนนั้นน่าอยู่ก็เป็นการจัดการที่ดี ที่ทำให้ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างแฮปปี้ด้วยครับ

เปิดด้วยภาพรวมโครงการทั้งหมด 8 ไร่เศษ 2 อาคารแรกทางขวามือจะเป็นอาคารสำนักงานซึ่งอยู่ติดถนนวิภาวดีรังสิต ส่วนโครงการ Lumpini Park วิภาวดี-จตุจักร จะเป็นอาคารยาวด้านในฮะ

บริเวณสระว่ายน้ำซึ่งอยู่บนชั้น Rooftop ของอาคารจอดรถ ก็จะมีพื้นที่นั่งพักผ่อนเป็นสเต็ปลดหลั่นกันไป

กลับเข้ามาในห้องตัวอย่างกันครับ ห้องแรกที่จะพาไปดูคือ ห้องสตูดิโอขนาด 24.00 ตร.ม. ห้องนี้จิ๋วแต่แจ๋ว เพราะใช้ประโยชน์จากความเป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้ดูโล่งกว่าที่คิดเยอะเลย

สไตล์เฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะมีประโยชน์ใช้สอยหลากหลาย ผสานรวมเป็นเส้นเดียวกัน อย่างฝั่งขวามือนอกจากจะใช้เป็นโต๊ะทำงานแล้วยังเป็นชั้นวางทีวีพร้อมลิ้นชักเก็บของได้ด้วย ก็สะดวกและประหยัดพื้นที่ครับ

ชุดครัวจะอยู่ด้านหน้าห้อง เป็น Top ลามิเนต มีซิงค์มาให้ ส่วนครัวก็อาจจะต้องใช้ทำอะไรเบาๆ น่าจะสะดวกเหมาะกับห้องนี้ ใครอยากได้เตาต้องหาแบบเตาไฟฟ้าเสียบปลั๊กมาวางครับ

พื้นที่ตรงกลางห้องเป็นที่วางโซฟา ซึ่งมีระยะดูทีวีสบายๆ กระจกในห้องนี้ก็กว้างมากหลายบาน ไม่มีปัญหาเรื่องแสงสว่างภายในห้องแน่นอนครับ

มองย้อนกลับมาโต๊ะและชั้นวางทีวีก็จะอยู่ด้วยกันแบบนี้สวยงามดีครับ ส่วนด้านบนมีตู้ลอยให้ใช้ประโยชน์ได้อีก

เราไปกันที่ส่วนพักผ่อนกันต่อ

ฝั่งซ้ายมือของห้องจะเป็นที่วางเตียงนอนและตู้เสื้อผ้าในแนวชิดผนัง ซึ่งตรงส่วนนี้ก็มีกระจกบานเบ้อเร่อมาให้ด้วย ถูกใจคนชอบนอนดูวิวแน่นอน

ที่มุมข้างเตียงก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับโต๊ะหัวเตียงพร้อมปลั๊กไฟด้วยครับ

ห้องน้ำแยกส่วนเปียกกับแห้งด้วยกระจกกั้นอาบน้ำ ได้สุขภัณฑ์จาก American Standard และอ่างล้างมือจาก Charmer

ส่วนด้านนอกระเบียงก็มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบพอดีๆ ส่วนที่ไม่เห็นคอมเพรสเซอร์แอร์เพราะเค้าไปวางไว้ด้านบนประตูบานเลื่อนครับ ก็ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยบริเวณนี้เพิ่มมากขึ้น

จากตรงนี้ก็จะเห็นตำแหน่งวางแอร์อยู่ฝั่งประตูบานเลื่อนพอดี ถ้าวางทีวีใหญ่หน่อย ก็จะทำให้นอนดูทีวีจากเตียงนอนได้ด้วย

เอาละครับ นี่ก็เป็นภาพรวมห้องตัวอย่างขนาด 24.00 ตร.ม. เป็นสตูดิโอที่กว้างๆ แอบดูคิดว่าครั้งนี้วาง Layout ออกมาดีเลยครับ

ห้องถัดมาก็คือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตร.ม. ซึ่งได้มุมห้องที่ยื่นออกไปแบบห้อง Corner ด้วย ครับ เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับส่วนครัวและที่วางตู้เย็นเหมือนเดิม และก็จะเป็นแนวของโต๊ะทำงาน ชั้นวางทีวี และมุมนั่งเล่นที่อยู่ด้านในสุดติดกับระเบียง

ครัวนี้กว้างขึ้นกว่าห้องที่แล้วครับ มีพื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้นและพร้อมกรุผนังกันเปื้อนมาให้เรียบร้อย

มุมนั่งเล่นในห้องนี้อยู่ฝั่งติดระเบียง ชมวิวได้ จะเปิดรับแสงอาทิตย์ยามเช้า หรือชมวิวยามค่ำก็ดีทั้งคู่

ส่วนแอร์ก็จะอยู่ตำแหน่งนี้ครับ ได้รับ flow แอร์ทั่วห้องนี้พอดี

ผนังหลังโซฟา เค้าทำเป็นหน้าต่างเอาไว้ ข้อดีคือทำให้ห้องโปร่งกว่าเดิม ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็ติดม่านเพิ่มได้ อันนี้สะดวกและใช้งานได้ดี เพราะก็ยังดูทีวีจากห้องนอนได้อีก

เข้ามาส่วนห้องนอนกันบ้าง สังเกตดีๆ จะเห็นกระจกเข้ามุมข้างๆ หัวเตียงครับ ตรงนี้ก็ทำให้เปิดวิวโล่งมากขึ้น เสียดายน่าจะอยู่ฝั่งปลายเตียง แต่ก็ทำให้มุมมองการนอนกว้างและสบายตามากขึ้น

ถัดจากเตียงนอน ก็เป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า ซึ่งบิวท์มาสูงจนเต็ม ส่วนห้องน้ำสำหรับห้องนี้ ก็จะเข้าได้จากห้องนอนครับ

การจัดวางตำแหน่งต่างกับห้องที่แล้วนิดหน่อย แต่อุปกรณ์ที่ได้ก็เหมือนๆ กันครับ

มาถึงห้องสุดท้ายแล้ว อันนี้เป็นห้องที่มีจำนวนน้อยหายากในโครงการนิดนึง เพราะเป็น 1 Bedroom 33.50 ตร.ม. ที่เป็นห้องมุม ได้กระจกกว้างๆ สวยๆ ภายในห้องถึงสองที่เลย และเป็นห้อง 1 Bedroom ที่หน้ากว้างที่สุดของโครงการ

ตามมาดูกันเลยคร้าบ

ห้องที่นี่ส่วนครัวจะอยู่ด้านหน้าเหมือนกันหมดนะครับ ห้องนี้ก็เหมือนกัน เข้ามาจะเป็นส่วนครัวและตู้เย็นเรียงกันไปเลย

ตรงนี้มีจุดเสียบปลั๊กสำหรับใครอยากวางเตาไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่อการทำครัวที่สะใจมากขึ้นก็จัดวางได้ครับ ห้องนี้ไม่ได้มีตู้แขวนเหนือตู้เย็นด้วย ก็ยังวางตู้เย็นได้ขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆ ด้วย แต่ตำแหน่งแอร์จะอยู่เหนือขึ้นไปแทนครับ อาจจะต้องระมัดระวังเวลา Service แอร์กันนิดนึง

ทีเด็ดของห้องคือ ห้องนั่งเล่นขนาดกว้างขวาง ตรงนี้มีพื้นที่วางโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ได้ ส่วนโซฟาก็จะเป็นขนาดใหญ่ขึ้นแบบตัว L ได้ 3 ที่นั่งกันไปเลย

กระจกมุมจุดแรกคือในห้องนั่งเล่นนี่แหละครับ แล้วก็อยู่ในแนวสายตาพอดี ทำให้ห้องกว้างและโปร่งขึ้นกว่าเดิม

เวลานั่งมองทีวีก็จะสวยๆ แบบนี้ พื้นที่บริเวณผนังก็เหลือๆ นะครับ จัดทั้งทีวีใหญ่ไปเลยจะได้เต็มๆตา

เข้ามาในห้องนอนตรงนี้วางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ และเป็นอีกจุดนึงที่ได้กระจกเข้ามุมคือข้างเตียงครับ ห้องนี้ห้องนอนและห้องนั่งเล่น กว้างสบายๆ สูสีกันเลย

ฝั่งซ้ายมือของเตียงเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า และระเบียง ส่วนแอร์ก็คอนเซปต์เดิมครับ วางไว้เหนือประตูบานเลื่อน flow แอร์ก็เลยไม่ได้ตรงเตียงเท่าไหร่ และก็ห้องน้ำก็เข้าจากด้านหน้าตู้เสื้อผ้านี่แหละครับ อุปกรณ์มาตรฐานเหมือนห้องอื่นๆ เช่นกัน

ตรงปลายเตียงก็เป็นตำแหน่งวางทีวีอีกเครื่องหนึ่งสำหรับห้องนี้ครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือการแอบดูห้องตัวอย่างโครงการ Lumpini Park วิภาวดี-จตุจักร ครับ เป็นการใช้ประโยชน์จากการออกแบบห้องหน้ากว้าง และการจัดวางกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ภาพรวมของห้องโปร่ง น่าอยู่มากขึ้น และคราวนี้ LPN ขายแบบ Fully-Furnished ด้วย ใครที่สนใจก็ลองไปชมไปจับห้องจริงกันดูได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขายคร้าบ

* ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค วิภาวดี-จตุจักร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ก็ดูเป็นภาพรวมฟีลลิ่งของที่จะได้ ส่วนรายละเอียดไว้สอบถามที่เจ้าหน้าที่โครงการกันอีกทีนะครับ แล้วเจอกันใหม่โครงการหน้ากับ “แอบดูคอนโด” คร้าบ

ติดตามเราได้ที่ : facebook

ติดต่อสอบถาม : Contact