Supalai City Resort Sukhumvit 107

“COME HOME ให้การกลับบ้านมีความหมายมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา” คอนเซ็ปท์สั้นๆ แต่ลึกซึ้ง ที่ทางศุภาลัยให้คำนิยามไว้ใน Project ล่าสุด “Supalai City Resort Sukhumvit 107” ซึ่งบ้านสำหรับบางคนแล้วไม่ใช่แค่สิ่งปลูกสร้างเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่บ้านคือพื้นที่หลอมรวมความสุขของตัวเองและครอบครัวไว้ด้วยกัน

สำหรับคอนโดมิเนียนใหม่สไตล์รีสอร์ตนี้ มาในแบรนด์ดั้งเดิมที่เราคุ้นเคยในตระกูล “City Resort” แต่ถูกเสริมหล่อใหม่หมดจด อารมณ์เหมือนเราเคยรู้จักมาด Keanu Reeves แต่เดิมสมัย The Matrix ยังไงพอเวลาผ่านไปกลับมาเจอในมาด John Wick ก็ยิ่งเท่ขึ้นกว่าเดิม เพราะเค้าออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมเติมความ Smart life ด้วย EV Charger, Digital Door Lock, Smart Locker รวมไปถึงบริการให้ชีวิตเข้าออกเมืองได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย Shuttle Bus รับ-ส่งจากโครงการไปถึงยังรถไฟฟ้าสถานีแบริ่งด้วย เพราะฉะนั้นใครที่ทำงานในเมืองหรือส่วนต่อขยายก็สบายใจในเรื่องการเดินทางได้เลยครับ .

มาดูในเรื่อง “ทำเล” กันบ้าง อย่างที่รู้กันว่า “สุขุมวิทตอนปลาย” เป็นทําเลสำหรับอยู่อาศัยที่หลายคนมองว่าน่าสนใจ เพราะมีปัจจัยสนับสนุนหลายด้านทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ก็อย่างที่เรารู้กันว่าสายหลักนี้มีความสำคัญแค่ไหนต่อการเดินทางของคนเมืองด้วยความสะดวกที่ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ส่วนอนาคตยังรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว – สำโรง) มารองรับเพิ่มเติมอีก

มามองในแง่ปากท้องกันต่อ ทำเลนี้ก็เรียกว่าค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้า ร้านขาย ร้านอาหาร แหล่ง Shopping กระจายทั่วไปเลยทีเดียว เราสามารถเลือกใช้บริการได้อย่างสะดวกทั้งซอยลาซาล, ซอยแบริ่งหรือ ฝั่งเส้นเลือดใหญ่อย่างฝั่งสำโรง เพราะเราสามารถลัดเลาะเชื่อมต่อกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ดาดฟ้าลาซาล, Lasalle Avenue, ตลาดสำโรง, Imperial World สำโรง สถานศึกษาและสถานที่สำคัญอื่นๆ ก็มีเพียบเลยครับ เช่น โรงเรียนบางกอกพัฒนา, โรงเรียนลาซาล, โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส, โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา, โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์, โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ หรือโรงพยาบาลศิครินทร์

ในแง่ของการดีไซน์ โครงการนี้เค้าจะวางตัวอาคารล้อมรอบส่วนกลางซึ่งเดินเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Co-working Space, Playground, Sharing Space โดยมีระยะระหว่างตัวอาคารที่ค่อนข้างห่างกัน ทำให้มี Space ที่สามารถนำพรรณไม้มาตกแต่ง สร้างความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติกับอาคารได้อย่างลงตัว และยังสามารถออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่สีเขียวได้มากขึ้นเช่นกัน และด้วยคอนเซปต์ของการเป็นคอนโดสไตล์รีสอร์ท ก็จะมีต้นไม้อย่างต้นปาล์มและมะพร้าวมาสร้างบรรยากาศการพักผ่อนอีกด้วย นอกจากนี้ยังออกแบบคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน อาคารเป็นรูปตัวแอลช่วยให้อาคารบดบังแสงแดดให้กันในแต่ละช่วงเวลา และใช้กระจกเขียวตัดแสงเพื่อลดความร้อนจากภายนอกเข้าสู่อาคาร นอกจากนี้โครงการเค้าติดต่อ 7-11 ไว้เรียบร้อย จะฝากท้องในเวลาเร่งรีบ หรือยามดึกดื่นก็จัดภายในโครงการนี้ได้เลย

โครงการ Supalai City Resort Sukhumvit 107 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,022 ยูนิต Unit Type ที่นี่มีตั้งแต่แบบ Studio ขนาด 28.5-29 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 34.5-41.5 ตร.ม., แบบ 1Bedroom Plus ขนาด 44.5-45 ตร.ม. และใหญ่ที่สุดคือ 2Bedroom ขนาด 69.5 ตร. ครับ รูปแบบห้องทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ Studio ขนาด 28.5 ตร.ม. – 2 ห้องนอน 69.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 1.78 ล้านบาท และจะจัดพรีเซลล์วันที่ 7-8 กันยายนนี้แล้วครับ

โปรโมชั่นตอนนี้คือ ฟรีแอร์, วอลเปเปอร์, ชุดครัวบิวท์อิน (ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า), เครื่องทำน้ำอุ่น, ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย และ Digital Door Lock ครับ เท่านั้นยังไม่พอ สำหรับช่วงพรีเซลล์นี้ เราสามารถเลือกเอาเฟอร์นิเจอร์ครบเซ็ตเพิ่มเติมได้อีก หรือจะเปลี่ยนเป็นส่วนลดก็ได้ สูงสุดถึง 300,000 บาทด้วยครับ

พูดมานานแล้วเดี๋ยวไปดูรูปสวยๆ กันดีกว่า ส่วนแฟนเพจ Living Sneak Peek ที่สนใจก็อย่าลืมลงทะเบียนรับสิทธิ์ดีๆ จากโครงการตรงนี้เช่นเคยครับ

>> http://bit.ly/2ZdaxyI

#LivingSneakPeek #Supalai

#SupalaiCityResortSukhumvit107

เอาล่ะครับวันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างแบบเนื้อที่กว้างๆ อยู่สบายของที่นี่มาให้ชมกันทั้ง 2 ห้องนะ

เข้ามาที่ห้องแรกคือ 1Bedroom ขนาด 34.5 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดเริ่มต้นของห้องแบบ 1Bedroom ที่นี่ครับ ลักษณะเด่นคือ ห้อง Living กว้าง พร้อมได้ครัวปิดติดระเบียง ระบายอากาศได้ง่าย

ในส่วนของห้อง Living นี่มีขนาดกว้างขวางครับ จัดวางโซฟา ควบคู่ไปกับโต๊ะกินข้าว ขนาด 2 ที่นั่งได้อย่างหลวมๆ กั้นแบ่งส่วนกับห้องนอนไว้ด้วยกระจกบานเลื่อนโปร่งแสง 3 ตอน เสียดายนิดเดียวถ้าเป็นบานเลื่อนเต็มผนังนี้เลยก็จะโปร่งไปกว่านี้อีก

พื้นที่บริเวณผนังก็มีทางเลือกการตกแต่งได้หลากหลาย การนำกระจกมาใช้ก็เพิ่มมิติมุมมองให้กว้างไปอีก หรือจะทำแบบตู้แขวนเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของก็ได้นะ ถ้าของเยอะ

ฝั่งตรงข้ามคือตำแหน่งแขวนทีวี ระยะดูทีวีค่อนข้างห่าง สามารถเอาจอใหญ่กว่านี้ได้อีก ก็เผื่อช่องว่างให้เพียงพอกับขนาดทีวีที่เราชอบ ส่วนตู้แขวนที่โครงการตกแต่งในห้องตัวอย่างก็ดูจุดี ยกเว้นแต่ว่ายังไม่มีที่วางรองเท้า เราก็ปรับชั้นฝั่งขวามือให้เป็นตู้ปิดแทนได้ หรือไม่ก็เอากล่องมาใส่เรียงไว้ใต้ชั้นลอยก็ได้เหมือนกันครับ

ถัดเข้าไปในห้องนอนก็เหลือเฟือเช่นเคย ระยะเดินช่วงปลายเตียงนี่ยังเหลืออีกเยอะเลยครับ ตัวเตียงจัดวางให้ชิดกับผนังฝั่งกระจกของห้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นบานกระทุ้ง 3 บาน ก็อาจจะทำให้ระยะเปิดหน้าต่างค่อนข้างจำกัดนิดนึง แต่ก็ปลอดภัยกว่าบานเลื่อน

ตำแหน่งของเตียงที่วางไว้ในห้องตัวอย่างค่อนข้าง Fix ลงตำแหน่งกับพื้นที่ของโต๊ะหัวเตียงและโต๊ะเครื่องแป้งทั้งขวาและซ้าย แต่ถ้าอยากวางเตียงใหญ่แบบ King Size ก็ไปขยับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นข้างออกไปสักอย่างนึงก็ได้เรื่องแล้วฮะ

มองไปที่ปลายเตียงตำแหน่งตรงนี้ก็เป็นที่วางทีวี และตำแหน่งของแอร์ ก็ทำให้สะดวกในการใช้งาน แอร์เป่าทั่วถึงนอนสบาย แถมเซอร์วิสง่ายเพราะไม่มีอะไรอยู่ด้านล่าง แต่ก็ทำให้ตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าจำกัดกับระยะทีวีนิดนึง จริงๆ ถ้าไม่คิดจะติดทีวีก็ทำตู้ใหญ่ตรงนี้ไปเลยก็ได้ครับ

กลับออกมาดูโซนด้านครัวกันบ้าง สำหรับ Layout นี้ได้เป็นครัวปิดนะ กั้นด้วยบานเลื่อนรางบน ทำให้สามารถทำกับข้าวได้เป็นสัดส่วนเต็มเนื้อเต็มเหนี่ยว แถมยังทำให้ห้องดูโปร่งด้วย

ขอเริ่มจากส่วนห้องน้ำกันก่อน ห้องนี้อยู่ด้านหลังของตำแหน่งทีวีในห้องนั่งเล่นนะครับ ซึ่งต้องเดินผ่านกระจกบานเลื่อนที่กั้นแบ่งส่วนครัวกับห้องนั่งเล่นอีกที เรื่องกลิ่นห้องน้ำนี้ก็คงไม่มีปัญหา

การตกแต่งในห้องน้ำก็ใช้โทนสีครีมสีอ่อนเป็นส่วนใหญ่ ตัดกันด้วยผนังสีเข้มในโซนอาบน้ำซึ่งจัดทำกระจกกั้นแบ่งระหว่างส่วนเปียกและแห้งแยกกันไว้แล้ว มีอุปกรณ์ครบทุกอย่างรวมทั้งเครื่องทำน้ำอุ่นครับ

ติดกับหน้าประตูห้องน้ำคือตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าของห้องครับ อยู่ตรงนี้ก็สะดวก ซักเสร็จก็เดินเอาไปตากตรงระเบียงที่เดินออกจากส่วนครัวตรงนี้ได้เลย พื้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้นเพราะเป็นกระเบื้องฮะ

ถัดมาคือตำแหน่งของเคาน์เตอร์ครัว ได้รับการออกแบบเป็นแนวยาวตามความลึกของห้อง ของจริงขาดแค่เตาไฟฟ้ากับ Hood ดูดควันที่ต้องทำเพิ่มครับ ซิงค์หลุมเดียวแต่มีที่พักสำหรับหลังล้างจานไว้ให้ก็สะดวกดี

ถัดออกไปก็เป็นระเบียงห้องครับ ตรงนี้ก็จะมีพื้นที่ว่างไปจนถึงใต้คอมเพรสเซอร์แอร์ เพราะเครื่องซักผ้าวางไว้อยู่ในห้อง ราวกันตกก็เป็นแบบมาตรฐานครับ ทั้งหมดก็เป็นภาพของห้องตัวอย่างห้องแรก แบบ 1Bed 34.5 ตร.ม. นะครับ ไปต่ออีกห้องกันเลย

ก่อนจะเดินออกไปชมห้องใหญ่ เค้าจัดโชว์อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกห้องไว้ให้ดู นั่นก็คือ Digital Door Lock จาก SAMSUNG หรือเทียบเท่า

แอบมองเข้ามาในห้องตัวอย่างอีกห้องนั่นก็คือแบบ 1Bedroom Plus ขนาด 45 ตร.ม. ครับ

ชอบการจัด Lighting ในห้องนี้ดีนะ บรรยากาศแบบนี้ทำให้เราเห็นว่าการจัดแสงในห้องเนี่ยสำคัญมาก เคยเป็นมั้ยครับที่เวลาไปดูห้องที่เราได้จริงๆ แล้วทำไมมันดูมืดๆ ทึมๆ เพราะไฟดาวน์ไลท์ที่เค้าให้เรามามันก็ตามมาตรฐานนี่แหละ แต่พวกการเพิ่มเติมไฟซ่อน ไฟตกแต่งลงไปจะทำให้ห้องเราดูดีมากๆ ให้อารมณ์เหมือนพวก Lounge สำหรับนั่งพักผ่อนในห้างกันเลย

ฝั่งซ้ายมือจัดวางโซฟาตัว I ได้ยาวๆ 3-4 ที่นั่งได้เลยครับ โต๊ะกลางทรงกลมถึงวางไว้ก็ยังมีพื้นที่เดินสบายๆ เหลืออยู่นะ

อีกด้านหนึ่งเค้าจัดทำตู้ลอยบิวท์อินมาให้ดู วางไปตามแนวยาวของห้องได้ตลอดเลย เก็บของได้เยอะดีครับแบบนี้ เจ้าทีวีแขวนเนี่ย ทำแบบนี้มันก็สวยงามดีนะ และก็มีประโยชน์สำหรับเวลาจัดวางในห้องที่มีพื้นที่จำกัดเช่นในห้องนอน เพราะถ้าวางตู้ทางเดินจะไม่พอ แต่ถ้าพื้นที่ห้องเยอะขนาดนี้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นละ แถมเราก็อาจจะนั่งดูทีวีได้หลากหลายตำแหน่งหน่อย ผมก็ชอบที่จะวางไว้บนชั้นมากกว่า หรือไม่ก็ขาแขวนแบบที่ขยับได้ เพราะจะไม่จำกัดมุมการรับชมเท่าไหร่ ยกเว้นว่าจะใช้จอ OLED อันนั้นมองมุมไหนก็แจ่มว้าวสีไม่เพี้ยน

Shelf ทางนี้ก็แล้วแต่ไอเดียเลยนะ บางคนก็ชอบที่จะมีตู้เก็บรองเท้าก่อนออกจากห้องเพื่อใช้งานถนัดๆ แต่พอทำโปร่งแบบนี้ก็ดูเป็นตู้โชว์ เพิ่มความสวยให้กับห้องอีกระดับ

ด้วยความกว้างของพื้นที่มันก็ทำให้สามารถเพิ่มเติมฟังก์ชั่นอะไรลงไปได้อีก อย่างเช่นไอเดียการทำเคาน์เตอร์แบบ island เพิ่มขึ้นมานะครับ ทำให้สวย และไม่บดบังพื้นที่ด้วย วางตรงนี้ก็เหมาะมากเพราะไม่งั้นจะเป็นพื้นที่โล่งเกินไป แต่ Layout นี้ก็คงต้องหาจุดลงตัวของการจัดวางโซฟานิดนึงเพราะไม่ได้ตรงกับจุดทีวีซะทีเดียว

ตำแหน่งการวางเคาน์เตอร์ island นี้ก็จะช่วยสร้างพรางสายตาจากห้องน้ำ และทำให้พื้นที่ครัวเกิดเป็นสัดเป็นส่วนขึ้น ตกแต่งด้วยชั้นลอยวางแก้วสวยๆ ก็กลายเป็นการตกแต่งห้องให้งามขึ้นได้อีก

ส่วนพระเอกสำคัญเลยคือ ดีไซน์ของเก้าอี้สตูลที่เอามา Match นี่แหละครับ นี่เค้าใช้สีส้มสดเข้ากับโซฟาหลักด้วย ลงตัวพอดี และดึงดูดสายตาให้ห้องมีแคแรกเตอร์

เค้าทำตำแหน่งปลั๊กไฟเผื่อสำหรับทำเคาน์เตอร์ตรงนี้ไว้ด้วยนะ ใช้งานได้สะดวก จะมานั่งกินข้าว เตรียมอาหาร ชงกาแฟ หรือเอาโน้ตบุ้คมาวางได้อารมณ์นั่งทำงานสบายๆ อยู่ในร้านกาแฟไปอีกแบบ

ความแตกต่างจากห้องที่แล้วคือ ห้องนี้พื้นที่ครัวจะเป็นครัวเปิดนะ แม้จะทำให้เราต้องระมัดระวังเรื่องกลิ่นขณะเข้าครัวแต่ก็จะทำให้พื้นที่ Living รวมกันเป็นพื้นที่โล่งกว้างๆ ขนาดใหญ่ ตำแหน่งการวางเครื่องซักผ้าก็อยู่ข้างครัวเหมือนเช่นเคยครับ ตำแหน่งตรงนี้ก็ระมัดระวังเรื่องน้ำนิดนึงเพราะอยู่ไกลจากระเบียง จะให้ดีที่สุดก็หาแบบที่ทั้งซักและอบได้ในตัวไปเลย

ห้องน้ำก็อยู่ติดกับครัวนี่แหละ ก็ขยับตำแหน่งต่างกับห้องน้ำใน 1Bed นิดนึง เปิดเข้ามาก็จะเจอกับอ่างล้างหน้า ส่วน Shower อยู่ทางขวา ส่วนโถนั่งจะอยู่ฝั่งซ้าย ถ้าลืมปิดประตูห้องน้ำไว้ มองเข้ามาก็ยังไม่เห็นโถส้วมนะ ตำแหน่งจัดวางแบบนี้ก็ดีละ ฮ่าๆ

เดินออกมาจากห้องน้ำ ไปชมพื้นที่ 2 ส่วนที่เหลือกันครับ

นี่แหละครับภาพที่ตอบคำว่า 1Bedroom plus ก็คือจะมีห้องนอน และมีอีกหนึ่งห้องอเนกประสงค์ให้เราได้ใช้งานกันด้วย จะเป็นครอบครัวขยาย จะเป็น Working man/woman จะมี Passion ทำอะไรส่วนตัว เจ้าพื้นที่ห้อง Plus นี่แหละจะมาตอบโจทย์ให้ชีวิตยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ทั้ง 2 ห้องนี้กั้นเป็นสัดส่วนเรียบร้อยด้วยบานเลื่อนเฟรมสีดำครับ

เริ่มจากห้องนอนทางฝั่งซ้ายมือกันก่อนละกัน

ในส่วนของห้องนอนนี่ เห็นห้องตัวอย่างแล้วก็อยากวางเตียงแบบ King Size ไปเลย แต่อันนี้เค้าก็ลองจัดตู้เสื้อผ้ากว้างจุใจมาให้ อันนี้ให้ลองจินตนาการตามกันนะ จะพอนึกออกว่าทำไมเค้าทำแบบเปลือยๆ เพราะถ้าตู้ใหญ่ขนาดนี้เป็นบานทึบมันก็จะทำให้ห้องดูตันๆ นะ ถ้าจะเลือกเฟอร์นิเจอร์เอง เอาหน้าบานกระจกหรือทำแบบนี้ก็จะทำให้ห้องมันดูกว้างครับ กระจกที่เค้าให้มาไม่ได้สูงเต็มตา แต่ก็กว้างเต็มผนังรวมทั้งยังเป็นแบบกระจกเข้ามุม เวลานอนไปทอดสายตาไปช่วงปลายเท้าก็จะมองได้กว้างกว่าห้องทั่วไปครับ

เตียงก็ไม่ได้ถึงกับไปชิดผนังนะ ยังมีพื้นที่วางโต๊ะหัวเตียงได้ครับ เพราะงั้นระยะเดินไปเปลี่ยนผ้าปูเตียงด้านข้างก็สบายๆ

เนี่ยแหละครับกระจกเข้ามุมที่พูดถึง พอดีผ้าม่านบังนิดนึง คือเดี๋ยวนี้เค้าออกแบบกระจกเข้ามุมแบบนี้กันมากขึ้น แต่เทคนิคการติดผ้าม่านก็ต้องพัฒนาตามนะ ไม่ให้บดบังทัศนวิสัย 555 ตำแหน่งแอร์อยู่ปลายเท้าพอดีๆ เย็นถึงหน้าแน่นอน

ห้องสุดท้ายในพื้นที่ห้องก็คือห้องอเนกประสงค์ หรือเจ้าห้อง Plus นี่เองครับ อยู่ติดกับระเบียงห้องนะก็มีพื้นที่ลึกอยู่ จริงๆ จะทำเป็นห้องนอนแบบกะทัดรัดหรือห้องนอนเด็กน้อยก็ยังได้ อันนี้เค้าทำเป็น Work Station ก็ใหญ่ดี เหมาะกับคนที่อยากเอา Desktop หรือ Mac มาวางให้เป็นจริงเป็นจังก็สะดวกดีครับ

เอาละ ส่วนของห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ เดี๋ยวให้ดูภาพรวมโครงการสักนิดก่อนจะจบครับ

ตัวโครงการมีพื้นที่กว้างขวางถึง 13 ไร่กว่านะ เค้าก็ทำให้มันโล่งๆ กระจายไปตามพื้นที่ก็คือทำเป็นกลุ่มอาคาร Low Rise ทั้งหมด 6 อาคาร Concept เนี่ยเป็นเชิงรีสอร์ท ถ้านึกถึงคำนี้ก็อารมณ์ประมาณที่เอา facilities กับสวนสวยๆ วางไว้ตรงกลาง ทำพื้นที่สีเขียวรายล้อมมีทางเดินเชื่อมต่อถึงกันหมด ก็ประมาณนี้แหละ โดยเค้าไปดีลกับ 7-11 มาไว้ในโครงการแล้วครับตรงใกล้กับสระว่ายน้ำนี่เลย ก็ไม่ต้องเดินออกไปหาของกินข้างนอกนะ ฝากท้องแบบง่ายๆ ในโครงการได้

Facilities แบบ indoor ที่มีให้ใช้ก็มีทั้ง Lobby และ Co-working Space ที่ได้รับการออกแบบให้ดูสวยงาม หรูหราขึ้นกว่าโครงการเก่าในตระกูลนี้เยอะเลย

ฟิตเนสที่นี่ก็มีทีวีให้ดูด้วยนะ การออกแบบให้ด้านบนเป็นกระจกก็ทำให้ลดความรู้สึกอึดอัดจากการวางอยู่ในตำแหน่งชั้น Ground ลงไปได้หน่อย และก็ได้ชมวิวสระสวยๆ ระหว่างออกกำลังกายด้วย เผื่อจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง ฮ่าๆ

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในตระกูล City Resort ก็คือ Green Space ครับ และเค้าก็เอาลักษณะของต้นปาล์ม ต้นมะพร้าวมาลงในพื้นที่โครงการเพื่อให้อารมณ์รีสอร์ทมากขึ้น และก็ไม่ลืมพื้นที่สำหรับเด็กให้ใช้งานรับแสงแดดกันได้ด้วย

ทิ้งท้ายกันด้วยภาพของสระที่นี่ครับ นอกจาก Lap Pool แล้วก็ยังมีโซนจากุซซี่ มาด้วยนะ และที่ไม่ได้มีในภาพก็ยังมีส่วนกลางที่เป็น Smart Locker, EV Charger และรถ Shuttle Car รับส่งไปยัง BTS แบริ่งด้วยครับ นี่ก็เป็นภาพรวมโครงการทั้งหมดของ Supalai City Resort Sukhumvit 107 ที่แอบดูคอนโดพามาชมในวันนี้นะครับ อยู่ห่างจาก BTS มาหน่อย แต่ก็ไปได้สะดวก แถมราคาเริ่มต้นเพียง 1.78 ล้านบาทเท่านั้น ใครที่สนใจก็อย่าลืมลงทะเบียน แล้วไปดูห้องตัวอย่างด้วยตากันที่โครงการกันได้เลย เค้าเปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ