The Base Garden Rama 9 โครงการพร้อมอยู่ สวยหรู คู่แยกรามคำแหง

กลับมาอีกครั้งสำหรับ Series พาชมคอนโดพร้อมอยู่ ซึ่งวันนี้แว่นจะพาไปดูคอนโดสีแดงอิฐสูง 36 ชั้น ตั้งตระหง่านเป็นเอกลักษณ์อยู่ตรงเกือบๆ หัวมุมแยกรามคำแหง ที่ถ้าใครผ่านมาแถวนี้ก็จะสังเกตเห็นไม่ยาก นั่นก็คือ The Base Garden พระราม 9 จากแสนสิริคร้าบ

ตั้งแต่ช่วงเปิดขายใหม่ๆ หลายคนเคยสงสัยว่า แสนสิริมาทำโครงการใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับของเดิม แต่ทำไมราคาสูงกว่าพอสมควร ตอนนี้ก็ตามมาดูด้วยตาพร้อมกันหลังตึกเสร็จก็จะเห็นว่าทำไม The Base ตัวนี้ถึงไม่เหมือนเดิม แล้วก็ลืมภาพห้องตัวอย่างสมัยขายแรกๆ ไปได้เลย เพราะเค้าแต่งไว้บนตึกจริงสวยมาก พร้อมราคาสำหรับห้อง Show Unit มาให้ดูกันด้วยท้ายโพสต์นี้ครับ

The Base Garden พระราม 9 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ขาเข้า ฝั่งซอยเลขคู่ การจะขับรถออกจากหน้าโครงการค่อนข้างบังคับเลี้ยวซ้ายนิดนึง เนื่องจากอยู่ใกล้แยกมาก แม้บางคนบอกว่าอาจจะพอตัดเข้าเลนกลางในช่วงเวลาไม่มีรถได้ ถ้าเพื่อความปลอดภัยก็วิ่งซ้ายไปก่อนเนอะ ทิศนี้มุ่งหน้าคลองตันเพื่อออก ถ.เพชรบุรี รวมถึงเชื่อมต่อไปสุขุมวิท 71 แต่ถ้าใครทำงานแถวแยกพระราม 9 ก็กลับรถมาเพื่อเลี้ยวซ้ายตรงแยกรามคำแหงหน้าโครงการ หรือจะวิ่งตรงเลยไปยังแถวรามคำแหงก็ได้ ส่วนถ้าต้องใช้ทางด่วน ในรัศมีไม่เกิน 1.5 กม. ก็มีให้เลือกทั้งด่วนศรีรัชฯ หรือ รามอินทรา-อาจณรงค์ ก็ค่อนข้างสะดวกสำหรับคนใช้รถนะ แต่ถ้าอยากใช้ระบบขนส่งสาธารณะก็มีแอร์พอร์ตลิงค์สถานีรามคำแหงในระยะ 700 เมตร ครับ

สำหรับอาหารการกินอาจจะไม่ได้ติดกับโครงการแบบระยะประชิด แต่ถ้าวิ่งเข้ารามคำแหงซักนิดก็จะเจอฟู้ดแลนด์ ? กับเดอะมอลล์รามคำแหง 3 อีกทางเลือกคือไปฝั่งตรงข้ามเส้นพระราม 9 ขาออก เลยไปหน่อยก็จะมีร้านอาหารเรียงรายไปจนตลาดเสรี มาร์เก็ต และเดอะไนน์ (หลังเดอะไนน์นี่ก็มีร้านอาหารให้กินอีกเยอะ) ก็ฝากปากท้องแถวนี้ก่อนกลับมานอนบ้านครับ

The Base พระราม 9 เป็นโครงการในย่านนั้นที่จำนวนยูนิตไม่แออัดเกินไป ทั้งหมด 36 ชั้น นี่รวมกันแล้ว 639 ยูนิต ตัวอาคารที่ออกแบบเป็นตัว Z ทำให้รูปทรงดูเพรียว และมีห้องที่เป็นห้องมุมมากขึ้น ซึ่งโครงการออกแบบให้มีช่องระบายอากาศ 3 ตำแหน่ง ? ทั้งสุด Corridor 2 ฝั่ง และบริเวณโถงลิฟต์ ทำให้การระบายอากาศและแสงสว่างเข้าถึงโถงทางเดินได้ดีขึ้น ห้องแบ่งเป็น 2 Type คือ 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 26.5-34.75 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 49.75-55 ตร.ม. จุดเด่นของห้อง 2 Bed นี่ก็คือได้กระจกเข้ามุมที่เปิดมุมมองรับชมวิวให้กว้างขึ้นครับ

พื้นที่ส่วนกลางเค้าโฆษณาไว้ตามชื่อคือ Garden เน้นการจัดวางพื้นที่สวนมารวมกันที่โซนด้านหน้า ทำให้เกิดความเชื่อมโยงพื้นที่สีเขียวจากตัวอาคารไปจนสุดหน้าถนน วันนั้นแว่นยืนอยู่ในห้อง Multi-purpose ชั้นล่างที่มีเพียงกระจกกั้น ก็เลยได้ชมสระว่ายน้ำแบบฟรีฟอร์มสวยๆ ขนาดใหญ่ เต็มตาควบคู่ไปด้วย ซึ่งดูแล้วเด่นกว่าสวนเสียอีก ที่อยู่ข้างๆ กันก็เป็นพื้นที่ฟิตเนส ที่จะได้ผ่อนคลายสายตาด้วยความชื่นใจจากสระนี้เหมือนกัน ส่วน Lobby แบบ Double Volume ก็ประดับด้วยแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ที่ตั้งใจให้เหมือนสายฝนโปรยลงมา แถมพื้นที่พวกนี้นี่เค้าก็ตกแต่งด้วยหินอ่อน นอกจากเลือกสีสันให้ไปในโทนเดียวกันแล้ว บางส่วนยังมีการต่อลายแบบ Book match เต็มผนังเชื่อมไปจนถึงเพดานเลยทีเดียว ถ้าดูจากรูปก็จะเห็นว่าหรูหรากว่า The Base ก่อนหน้าจริงๆ

มาถึงในห้องกันบ้าง โครงการอยู่เกือบติดถนน และมีทางด่วนอยู่หน้าโครงการ แน่นอนว่าหลายคนก็คงกังวลเรื่องเสียง ครงการเค้าจัดกระจกแบบพิเศษที่ช่วยลดเรื่องความร้อนและเสียงมาใช้ด้วย ซึ่งแว่นไปทดลองมาที่ห้องตัวอย่างแล้ว ตอนเปิดหน้าต่างออกไปตกใจนิดนึง แต่ตอนปิดเข้ามาค่อนข้างเก็บเสียงได้ดีมากครับ  ในห้องให้กระจกบานใหญ่เน้นพื้นที่รับแสงเข้าห้องได้ทั่วถึง กระจกบานเลื่อนที่กั้นห้องก็เลือกแบบเปิดได้ 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างขึ้น อีกจุดคือพื้นที่ครัวที่โครงการจัดมาให้เป็นชุดครัวบิวท์อิน Top เคาน์เตอร์ใช้พอร์ซเลนสีอ่อนไร้รอยต่อ ที่รวมข้อดีทั้งความทนทาน ซึมน้ำน้อยมาก ทนรอยขีดข่วนแบบเตรียมอาหารบนนี้ได้เลย รวมไปถึงความใส่ใจในเรื่องเล็กๆ อย่าง Door stop ที่ฝังลงไปในพื้นก็ทำให้ดูไม่เกะกะสายตา และไม่มีอะไรโผล่มาขวางตอนเดินด้วย รายละเอียดต่างๆ ที่โครงการออกแบบมานี่เองที่ทำให้ห้องมีพื้นที่ใช้สอยที่ดี น่าอยู่ เมื่อรวมกับการตกแต่งห้องตัวอย่าง 3 แบบ 3 สไตล์ที่เอามาให้ชมวันนี้ ก็ทำให้อยากเลียนแบบตามซะจริงๆ

ลองถามราคาห้องตัวอย่างที่ได้ของตกแต่งทุกชิ้นตามนั้นมา ได้ความว่า 1Bed ขนาด 30.75 ตร.ม. อยู่ที่ 3.28 ล้าน และ 2Bed ขนาด 53.61 ตร.ม. อยู่ที่ 6.49 ล้าน คิดต่อตร.ม.ก็ยังถูกกว่าราคาเฉลี่ยทั้งโครงการซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 125,000 บาท/ตร.ม. ก็ขึ้นอยู่กับทิศและความสูงชั้นด้วย ส่วนราคาเริ่มต้นในชั้นล่างๆ ก็ถูกกว่านี้อีกหน่อยครับ เอาเป็นว่าใครที่สนใจดูจากภาพเสร็จก็ตามไปดูห้องจริงเถอะจะได้ตัดสินใจไม่ยาก

อ้อ กระซิบว่าถ้าใครติดต่อผ่าน พลัสฯ พร๊อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ก็จะได้โปรผ่อนล้านละ 1800 บาท /เดือน นาน 2 ปี และรับทองทุกยูนิตด้วย* ก่อนสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้นครับ สำหรับใครที่สนใจก็คลิกรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่เลยคร้าบบ >> http://bit.ly/2J0rcLe รายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-688-7555

ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาดูภาพโครงและห้องตัวอย่างได้เลยคร้าบ

#SneakRoom #plusproperty

ตัวตึกถูกออกแบบให้ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยการใช้สีแดงอิฐ และมี Bay Window ที่ยื่นออกมาด้านข้าง ทำให้มองเห็นวิวได้รอบด้านมากขึ้น

เข้ามาด้านใน ส่วนแรกก็จะเจอกับ Lobby แบบ Double Volume ซึ่งล้อมรอบไปด้วยกระจกจนถึงเพดาน ประดับด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนสายฝน ทั้งพื้นและผนังเป็นหินอ่อน ทำให้ Lobby ดูดีสมฐานะหน้าบ้านที่เราใช้รับแขก ส่วน Mail Box ก็อยู่โซนนี้เช่นกัน

เช็คบิล เช็คจดหมายกันแล้ว ก็มาเช็คพัสดุกันต่อ ทางโครงการเค้ามีบริการ “iBOX” หรือตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ จากไปรษณีย์ไทย ที่ลูกบ้านสามารถรับพัสดุของตัวเองได้ง่ายๆ เพียงใช้บัตรประชาชน และโทรศัพท์มือถือ เพราะเมื่อมีพัสดุมาส่ง ทางไปรษณีย์เค้าจะส่งข้อความมาที่เบอร์มือถือของเรา เท่านี้ก็รู้แล้วว่ามีของมาส่ง ลงมารับของด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องกังวลว่ามาถึงรึยัง แบบนี้คือชัวร์และสะดวกมาก จะกดซื้อเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า จนร้องเพลงทุกอย่างมีๆๆๆๆ ที่ช้อปปี้ กันได้ตามสบาย รวมไปถึงเครื่องรับคืนขวดอัตโนมัติ ที่เราสามารถนำขวดพลาสติกที่ไม่ใช้แล้ว หย่อนลงไป เพื่อ Refund กลับมาเป็นเงินเข้ากองกลางสำหรับดูแลรักษาคอนโดต่อไป

อีกหนึ่งพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ด้านล่าง ถัดกับ Lobby เมื่อสักครู่คือส่วน Multi-Purpose Area ห้องนี้ก็ดูดีไม่แพ้กันครับพื้นที่ตรงนี้เตรียมไว้ให้ลูกบ้านมานั่งพักผ่อน นั่งทำงาน นั่งเล่น นั่งชิว มองวิวสวนสวยๆ ด้านนอกกันได้ แอร์เย็นฉ่ำ พร้อมไวไฟให้ใช้

ห้องนี้มีความสูงเพดานถึง 6.4 เมตรเลย ผนังตกแต่งด้วยหินอ่อน ที่ถูกเลือกมาต่อกันทีละแผ่นให้ได้ลวดลายที่เข้ากัน แถมไม่หยุดแค่ผนัง แต่ต่อขึ้นไปจนถึงเพดานห้อง ทำให้ห้องนี้ดูเรียบหรู น่านั่งขึ้นมากครับ

ส่วนด้านข้างก็จะเป็นกระจกใสเช่นเดียวกับ Lobby เลย ดังนั้นห้องนี้ก็จะได้รับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ ครับ

วิวที่ได้ก็จะเห็นสระว่ายน้ำสีฟ้า ตัดกับหญ้าสีเขียวชอุ่ม โครงการเค้ายกธรรมชาติมาไว้ใกล้ๆ ด้วยต้นไม้ที่เรียงรายอยู่รอบๆ ช่วยให้ดูสบายตามากขึ้น พร้อมทั้งเป็นกันชนจากด้านหน้าถนน สระว่ายน้ำมีความยาวประมาณ 23 เมตร มีสระเด็กอยู่ด้านข้าง มี Tree House ที่เป็นเสมือนบ้านต้นไม้ ให้ขึ้นไปนั่งถ่ายรูปเล่นกันได้

ลงมาว่ายน้ำช่วงหัวค่ำ น่าจะได้ Feel คล้ายกับอยู่รีสอร์ทมากกว่าช่วงกลางวันนะครับ ลอยตัวไป มองท้องฟ้ายามค่ำคืนไปพร้อมๆ กัน แถมด้านนอกนี้ลมโกรกดีทีเดียวเลยครับ

ถัดมาด้านข้างก็จะเป็นห้อง Fitness ติดกระจกรอบด้านเช่นเดียวกัน จะได้วิ่งไป มองวิวกันไปเพลินๆ

Smart Move เป็นอีกหนึ่งบริการที่แสนสิริได้เตรียมไว้ให้ ด้วยระบบ Car Sharing โดยใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถจองและปลดล็อครถผ่าน Home Service Application ในมือถือได้ 24 ชม.

และอีกหนึ่งความสะดวกสบายก็คือ Trendy Wash เครื่องซักผ้า ยุค 4.0 ที่ไม่ต้องเดินมาเปิดฝาถังด้วยตัวเอง ก็สามารถเช็คสถานะเครื่องซักผ้าได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น เมื่อซักเสร็จก็มีการแจ้งเตือน ถ้าวันไหนลืมพกเหรียญมาจ่ายผ่านมือถือได้เลย สะดวกและช่วยประหยัดเวลาได้มากเลยครับ

จุใจกับส่วนกลางกันไปเรียบร้อย ต่อมาแว่นจะพาไปชมห้องตัวอย่างกัน เดินผ่านโถงขึ้นลิฟต์ ที่ถูกตกแต่งด้วยวัสดุหินอ่อนเช่นเดียวกับ Lobby ด้านนอก

ขอเริ่มห้องแรกด้วยห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 53.5 ตร.ม. ที่ตกแต่งด้วยความจัดจ้านแต่คงสไตล์ในแบบเอเชีย

ประตูที่ได้จะเป็นแบบ Digital Door Lock จาก Samsung โดยสามารถใช้ได้ทั้ง Key Card Password และ กุญแจ ครับ

Door Stop ที่นี่ทำแบบเรียบๆ เนียนๆ ฝังลงไปในพื้นนะครับ เวลาผลักประตูเท่านั้นถึงจะเปิดขึ้นมากั้นไว้ ดังนั้นเวลาที่ไม่ได้ใช้งานก็จะไม่มีอะไรมาเกะกะพื้นเล

ห้องนี้จะได้แอร์ทั้งหมด 3 เครื่อง ยี่ห้อ TRANE พื้นห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังฉาบเรียบทาสี ส่วนความสูง Floor-to-Ceiling จะอยู่ที่ 2.55 เมตรครับ

พื้นที่สำหรับทานข้าวจัดวางไว้รวมกับพื้นที่โซน Living ซึ่งเหลือๆ สำหรับขนาด 4 ที่นั่งครับ

ในส่วนของห้องครัวก็จะได้เป็นประตูกระจกบานสไลด์ ที่รางถูกติดไว้ด้านบนครับ ทำให้เวลาเดินเข้าเดินออกไม่สะดุด หรือรู้สึกเกะกะ แถมยังไม่ต้องมาคอยเช็ค ทำความสะอาดรางที่มักจะมีฝุ่นเกาะอยู่ด้านใน

ด้านในครัวมีพื้นที่สำหรับบิวท์อินตู้เก็บของซึ่งสวยงามน่าเลียนแบบครับ

ครัวเป็นแนวยาวสวยๆ เลย มีพื้นที่ใช้สอยเตรียมอาหารเยอะ เคาน์เตอร์ครัวตรงนี้ได้ทั้งชุดครับ

ตู้ด้านบนจะได้หน้าบานเป็นกระจกสีชาดำแบบนี้เลย หัวเตาเซรามิคสองหัว ซิงค์จาก MEX ท็อปครัวเป็นพอร์ชเลน ที่มีความทนทาน แข็งแรง แทบไม่ซึมน้ำ ใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารได้เลย เผื่ออยากหั่นมะนาวสักเสี้ยวไปใส่พริกน้ำปลา ก็ไม่ต้องถึงกับคว้าเขียง ส่วนราวแขวนด้านหลัง และ Back Splash ก็มีไว้ให้เรียบร้อยนะครับ

กลับมาที่ห้องนั่งเล่น ด้วยระยะนั่งที่กว้าง จัดวางโซฟานุ่มๆ เปิดแอร์เย็นๆ ปิดม่าน หรี่ไฟ เปิดทีวีจอใหญ่ แค่นี้ก็ไม่ต้องไปเสียตังค์เพื่อจองที่นั่ง Honeymoon Seat ในโรงหนังแล้วครับ เนรมิตขึ้นมาได้ง่ายๆ ในห้องของตัวเองนี่แหละ แถมยังมีที่เหลือพอให้วางโต๊ะกาแฟด้านหน้า เอาไว้วางป๊อปคอร์น เป๊บซี่ ฮอทดอกได้ด้วย หรือจะจับเอาเก้าอี้ตัวเล็กๆ มาวางแทน จะได้เอาไว้วางขา ตอนเอนนอนดูหนังอย่างสบายใจก็ได้ทั้งนั้น และที่สำคัญห้องนี้มีหัวปลั๊กแบบ Universal ไว้รองรับลูกบ้านที่เป็นชาวต่างชาติ ให้การใช้ชีวิตนั้นง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้นครับ

ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น เป็นประตูกระจกบานสไลด์เต็มบานแบบนี้เลย ใครที่ชอบนั่งอ่านหนังสือมุมนี้ ก็เปิดม่านรับแสงธรรมชาติเพื่อความสุนทรีย์ได้

เข้าไปในห้องนอนกันบ้าง Master Bedroom สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้าไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องดันเตียงให้ชิดริมหน้าต่าง ก็ยังมีพื้นที่เดินได้รอบทั้งสองฝั่ง ถ้าใช้โคมไฟแบบแขวน หรือติดผนัง ก็จะทำให้วางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆ ได้ โดยมีที่เอาไว้วางหนังสือ วางของใช้ได้อีกครับ

ถ้าอยากติดทีวีในห้องนี้ด้วยก็ยังมีพื้นที่ปลายเตียงเหลืออยู่นะ แต่ถ้าอยากให้ประหยัดเนื้อที่มากขึ้น บิวท์อินชั้นวางทีวี หรือไม่ก็ใช้ทีวีแบบติดผนังเอาครับ ส่วนตู้เสื้อผ้าก็บิวท์อินเข้ามุมไปได้เลยครับ

ข้อดีคือจะได้ Bay Window ที่โครงการตั้งใจออกแบบให้ลูกบ้านได้มองเห็นวิวได้กว้างขึ้น แต่ห้องนี้อยู่แค่ชั้น 6 วิวก็เลยเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นจากสวนชั้น 5 เข้ามาแทรกเล็กน้อย แต่ก็จะได้ Feeling ที่แตกต่างไปนะครับ ทำให้รู้สึกใกล้ธรรมชาติ แถมยังได้ความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

และสำหรับใครที่กังวลเรื่องเสียงรบกวน โครงการเค้าใช้กระจกอินซูเลท (Insulated) มาช่วยป้องกันเสียงสำหรับห้องนอนให้แล้ว ซึ่งช่วยกันความร้อน และเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามาในห้องได้มากทีเดียว แว่นลองทดสอบตอนเปิด กับตอนปิด กระจก เห็นเลยว่าช่วยกันเสียงได้มากทีเดียวครับ

สำหรับห้องนอนเล็ก ห้องนี้จะวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้ ส่วนกระจกข้างก็ได้แบบเต็มบานเช่นกัน ทำวิศัยทัศน์ในการมองเห็นวิวด้านนอก เต็มอิ่มมากขึ้น

สุดท้ายคือห้องน้ำ ที่ทางโครงการทำไว้ให้ตามนี้เลย (แต่ไม่ได้เครื่องทำน้ำอุ่นนะครับ) โดยฉากกั้นเปียก – แห้งจะเป็นบานสไลด์สามตอนสีดำ โดยใช้กระจกนิรภัย พื้นห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องลายไม้ ตัดกับสีเข้มและอ่อนของผนังครับ

ห้องตัวอย่างห้องถัดไปเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. ห้องนี้ก็จะให้พื้นที่ใช้สอยในห้องนั่งเล่นได้เต็มที่ มีฉากกั้นห้องนอนแบ่งสัดส่วนการใช้งานชัดเจน ถ้าใช้โซฟาแบบยาว ก็สามารถวางโต๊ะ เสริมเก้าอี้เข้าไป ทำเป็นโต๊ะทานข้าวได้ด้วย

ใช้เป็นมุมนั่งดูทีวี หรือนั่งทำงานก็ได้ พื้นที่ห้องนี้อยู่ได้ 2 คนก็ยังโอเคครับ

ให้ห้องนอนได้เป็นที่สำหรับพักผ่อนโดยแท้จริง กับกระจกบานใหญ่ที่เอาไว้มองวิว มองฟ้า เอาไว้นอนคิดถึงใครบางคน โต๊ะหัวเตียงที่จัดวางไว้ด้านข้าง ให้เอาไว้วางรูปที่เป็นตัวแทนของความทรงจำ

ตู้เสื้อผ้าที่พอดี ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นวางหนังสือ หรือวางลำโพงตัวใหญ่ ไว้เปิดเพลง Jazz บรรเลงเบาๆ ก่อนนอน ให้หลับสบายได้ทุกคืน

ครัวก็จะเป็นครัวปิด โดยที่มีประตูสไลด์แบบที่ติดรางไว้ด้านบนเช่นเดียวกับประตูกั้นห้องนอน เคาน์เตอร์ครัวก็จะได้แบบนี้เช่นเดียวกัน หน้าบาน Soft Close ได้ทั้ง Hob และ Hood มีราวแขวน ให้เรียบร้อย พร้อมซิงค์ล้างจานครับ

สุดท้ายท้ายสุด กับห้อง 1 Bedroom ไซส์ S ขนาด 26 ตร.ม. ห้องนี้ถึงจะไม่ใช่ครัวปิด แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนมาให้ลงตัว พื้นที่นั่งเล่นหน้าโซฟากว้างพอให้จัดปาร์ตี้พิซซ่า หรือเล่นไพ่ UNO กันได้ มีมุมทานข้าวอยู่ใกล้กับครัว ทำเสร็จพร้อมเสิร์ฟ ก็สะดวกดีครับ

ห้องน้ำอยู่ด้านในห้องนอนนะครับ เวลามีแขกมาเยี่ยม ก็เก็บที่นอน เก็บของใช้ส่วนตัวให้ดี จะได้ไม่ต้องโดนแซว ฮ่าๆ

เตียง 5 ฟุตในห้องนอน เมื่อวางแล้วก็ไม่ได้ดูแน่นจนไม่มีที่วางของ หรือทางเดินนะครับ ด้านข้างทั้งสองด้านยังสามารถวางโคมไฟตั้งพื้น หรือโต๊ะหัวเตียงได้อยู่ ส่วนปลายเตียงก็วางตู้เสื้อผ้าเข้าไปได้ แต่ต้องวัดขนาดให้ดีๆ เผื่อตอนเปิด-ปิดตู้ด้วยนะครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมโครงการและห้องตัวอย่างจาก The Base Garden พระราม 9 ที่เราพาทุกคนมาดูกันในวันนี้ครับ แม้ว่าไม่ใช่โครงการที่ถูกที่สุดในละแวกนั้น แต่สิ่งที่ให้มาคือสเปคที่ดีกว่า The Base เดิมๆ ใครที่อยากมีที่อยู่ที่เกรดคุณภาพในย่านนี้ The Base Garden พระราม 9 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรมาดูก่อนตัดสินใจครับ

ติดตามเราได้ที่ : facebook

ติดต่อสอบถาม : Contact