รีวิวคอนโด Park Origin Ratchathewi “โปร่ง-ใกล้-ใหญ่-สงบ” คอนโดพร้อมอยู่ตัวจบจากออริจิ้นใจกลางราชเทวี เริ่ม 8.99 ล้าน

วันนี้อากาศดีฟ้าฝนเป็นใจ เป็นโอกาสให้ผมได้พาทุกคนเดินเท้าก้าวเข้าสู่ย่าน “ราชเทวี” กันสักรอบ นี่คือย่านที่รวบรวมสถานีรถไฟฟ้า BTS สำคัญไว้ถึง 3 สถานี ทั้ง “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – พญาไท – ราชเทวี” เป็นย่านที่มีความคึกคักทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งความเป็นพื้นที่เชื่อมต่อนำพาผู้คนมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมือง เป็นจุดหมายของบรรดานักเรียนนักศึกษาที่มุ่งหาแหล่งติวเตอร์ เป็นที่นัดนับของบรรดาชาวแก๊งแห่งออฟฟิศที่ได้มาพบปะสังสรรค์ในเวลากลางคืน เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แถมยังเป็นย่านที่อยู่ติดกันกับสวรรค์ของนักช้อปอย่างสยามเพียงแค่สถานีเดียว และแน่นอนว่ามาถึงที่นี่แล้ว ผมก็จะพาทุกคนไปดูคอนโดพร้อมอยู่ที่พัฒนามาเพื่อชีวิตสุด พรีเมียมกลางราชเทวีด้วยเช่นกันครับกับ “Park Origin Ratchathewi”

คอนโด พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี

พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี ตั้งอยู่บนนถนนเพชรบุรีขาเข้า บริเวณก่อนถึงจุดตัดกับถนนพญาไท เป็นอาคารดีไซน์โมเดิร์น สูงตระหง่านในย่านนี้ แต่สิ่งที่พาให้จดจำสำหรับคนขับรถอย่างผมก็คือ ซุ้มด้านหน้าโครงการที่ดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ คอยเชื้อเชิญให้เดินเข้าสู่ด้านใน เมื่อเวลาได้เข้าไปชมโครงการต่างๆ เหมือนกับครั้งนี้ ผมก็มักจะนึกถึงภาพรวมของโครงการในแง่มุมต่างๆ อันประกอบด้วย Space ภายในห้อง, ทำเล, สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และบรรยากาศโดยรวม ซึ่งผมขอสรุปเป็นสี่คำ สำหรับโครงการนี้คือ “โปร่ง ใกล้ ใหญ่ สงบ” นั่นเองครับ

“โปร่ง”

นี่คือโครงการที่ห้องทั้งหมดเป็นห้องเพดานสูงในสไตล์ Loft ด้วยความสูง 4.25 ม. ซึ่งนอกจากจะนำพาความโล่งโปร่งสบายมาให้แล้ว ยังมาพร้อมกับการพัฒนาให้มีพื้นที่ใช้สอยแบบ 2 ชั้น จนเป็นจุดเด่นของออริจิ้นที่เรียกว่า “Duo Space” ซึ่งมีแปลนห้องบางรูปแบบที่ทำให้พื้นที่โปร่งๆ ของห้องนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ใน Living Area เพียงส่วนเดียว แต่ยังได้พื้นที่ห้องนอนโล่งสบายอีกด้วย

​“ใกล้”

นี่คือโครงการที่อยู่ในย่านเศรษฐกิจสำคัญอย่าง “ราชเทวี” ในระยะที่ใกล้ BTS ราชเทวีราว 350 ม. จากสถานีนี้เพียงสถานีเดียว เชื่อมต่อเราเข้าสู่สยาม ซึ่งเป็นพื้นที่หัวใจของการช้อปปิ้งกลางกรุง, สถานีเดียวถึงพญาไท ศูนย์รวมสถาบันกวดวิชา ออฟฟิศ โรงพยาบาลและโรงเรียนชั้นนำ และ ​ Airport Rail Link เชื่อมนักเดินทางสู่สนามบิน และเพียงแค่สองสถานีถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ Hub ของการคมนาคม แถมยังใกล้ทางด่วนให้เราได้มีตัวเลือกการเดินทางที่ไม่ต้องติดอยู่บนท้องถนนเพียงอย่างเดียว

“ใหญ่”

คือ พื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็มมาตระการตา ความใหญ่นี้ผมหมายรวมใน 2 ส่วน ส่วนแรกคือความครอบคลุมพื้นที่ภายในโครงการที่มากถึง 4 ชั้น และส่วนที่สองคือ Space ของแต่ละ Facilities เองก็มีขนาดใหญ่ด้วยทำให้ได้ความโอ่โถงน่าใช้ ตกแต่งด้วยหินอ่อนในหลากหลายพื้นที่ ซึ่งขอไล่เรียงให้ฟังแบบนี้ครับ

  • ชั้น 1 เป็นที่ตั้งของล๊อบบี้สูงโปร่งแบบ Double Volume, มี Smart Locker, Smart Mailbox, พื้นที่สวนสีเขียว,ที่จอดรถ EV Charger, Gin Café มีคาเฟ่ส่วนตัวอยู่ในอาคารเลย รวมทั้งยังได้ความพิเศษด้วยบริการ Concierge Service คอยช่วยเหลือดูแลลูกบ้านประดุจคนสำคัญ
  • ชั้น 2 ที่ตั้งของ Business Lounge, Private Meeting Room, Privilege Quarters ซึ่งห้องสงบๆ เป็นส่วนตัวสามารถจองใช้ได้ล่วงหน้า สำหรับ Business Meeting หรือ Tutorial Class
  • ชั้น 39 ณ จุดความสูงระดับนี้ ​ เค้าก็ยก Facilities หลักขึ้นมาไว้ทั้งหมดเพื่อให้เสพย์วิวเมืองได้อย่างเต็มตา และที่ทำออกมาได้สวยมากก็คือ Starry Lounge รองรับการใช้งานของลูกบ้านหลากหลายมุม มีห้องดูหนังส่วนตัว มีส่วน Wine Bar, Private Dining Lounge ที่สามารถเรียกเชฟมาจัดปาร์ตี้ที่นี่ได้ รวมทั้ง Private Spa ที่เข้าไปทำสวยเฉพาะกิจได้ในบ้านเราเอง
  • ชั้น 40 มีทั้งฟิตเนสที่เล่นแบบรวม และ โยคะสตูดิโอ กับ Virtual Bike ที่สามารถจัดกลุ่มเล่นกันในห้อง Private, มีสระว่ายน้ำ, Endless Pool, ห้อง Onsen แยกชายหญิง และที่นั่งพักผ่อนให้ชมวิว
  • Rooftop ด้านบนอาคารยังทำเป็นเส้นทาง Forest Trail ให้เดินออกกำลังท่ามกลางต้นไม้สีเขียว และจุดชมวิวท้าทายอะดรีนาลีนในโซน The Cliff Panorama ที่ให้ความรู้สึกเหมือนยืนลอยอยู่กลางอากาศ

และสุดท้าย “สงบ”

ใครจะคิดครับว่าที่เห็นรายการ Facilities มากมายด้านบนแล้วจะรู้ว่านี่คือพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบมาเพื่อ 264 ยูนิตเท่านั้น ภายในโครงการค่อนข้างเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย แถมยังไม่ต้องแย่งกันหาที่จอดรถ เพราะเค้าให้ที่จอดรถมารองรับถึง 100% ในแบบ Auto Parking พร้อมช่องจอดสำหรับรถใหญ่ SUV โดยเฉพาะด้วยครับ

ก่อนจะเข้าไปชมภาพสวยๆ ที่เราเอามาฝาก ผมขอสรุปข้อมูลโครงการสำหรับท่านที่สนใจกันสักครู่ครับ ที่นี่เป็นคอนโด High Rise สูง 41 ชั้น มีห้องให้เลือก 3 รูปแบบ โดยพื้นที่จะนับเฉพาะชั้นล่างตามโฉนด ได้แก่

  • 1 Bedroom Duo Space ขนาด 33.9 – 34 ตร.ม. เน้นความโปร่งในส่วน Living Room นำฟังก์ชั่นห้องนอนไปไว้ชั้นบน พร้อมกั้นบานกระจกเป็นสัดเป็นส่วนไว้เรียบร้อย
  • 1 Bedroom Plus Duo Space 34.8 – 58.6 ตร.ม. รูปแบบนี้จะได้จุดเด่นของเพดานสูงโปร่งทั้ง 2 ส่วน คือ พื้นที่ในห้องนั่งเล่น และในห้องนอน เรียกว่าใช้งานอยู่ตรงไหนในห้องก็ได้ความรู้สึกแบบเดียวกัน
  • แบบ Penthouse ซึ่งมีเฉพาะในชั้น 41 ชั้นเดียวเท่านั้นครับ

โครงการขายในรูปแบบ Fully Fitted ซึ่งเราจะได้ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินบางส่วน พร้อมการตกแต่งครัวมาให้เรียบร้อย ได้ชุด Tops ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ติดตั้ง Backsplash กันเปื้อนในครัวไว้ให้ วัสดุที่ใช้ยังมีทั้งพื้นไม้เอนจิเนียร์, สุขภัณฑ์จาก Kasch, Smart Mirror จะเข้าเวป เล่นยูทูปหรือดูซีรี่ย์ขณะแปรงฟันในห้องน้ำก็สามารถทำได้ อีกทั้งได้เครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type, ระบบ Home Automation และ Digital Door Lock ติดตั้งมาให้ ในราคาเริ่ม 8.99 ล้านบาท ครับ สำหรับใครที่สนใจสามารถคลิกลงทะเบียนรับสิทธิจากโครงการได้ที่นี่เลย https://bit.ly/3T5j2Hg ​

นี่คือการนำโครงการระดับเรือธงในซีรีย์ “Park Origin” มาปักลงในทำเลราชเทวี ซึ่งถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มองหาความสงบ มีพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย รวมถึงชื่นชอบการใช้ชีวิตในห้องเพดานสูง ลองเข้าไปชมกันดูนะครับ ที่นี่อาจจะเป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคุณ

คอนโด พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี

พามาชมความสวยงามของคอนโดใจกลางเมืองอย่าง ‘Park Origin Ratchathewi’ กันครับ ตระกูล Park Origin นี่เค้ามากับส่วนกลางอลังการมาก ตกแต่งได้หรูหราน่าใช้งาน พร้อมพาชมห้องตัวอย่าง Extra Space 2 ชั้น เพดานสูงโปร่ง สบายเหมือนอยู่บ้าน ในราคาเริ่ม 8.99 ล้านครับ

ให้รูปนี้เป็นน้ำจิ้มครับ จะสวยจึ้งแค่ไหน ไปชมกันเลย

เดินสับเข้ามาในรั้วโครงการผ่านซุ้มหินสีครีมอ่อน พร้อมป้ายชื่อโครงการสีทองอร่าม ก็จะเจอกับต้นไม้ใบไม้เขียวชอุ่มคอยต้อนรับ เพราะเค้าตั้งใจตกแต่งให้เป็นเหมือน Oasis ส่วนตัวให้พักผ่อนแม้อยู่ใจกลางเมืองนั่นเอง

ตัวตึกที่นี่ออกแบบในคอนเซ็ปต์ Sense Of Nature เป็นสถาปัตยกรรมที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ มีเส้นสายที่แข็งแรง ผสมผสานลวดลายที่ดูอ่อนโยน ให้เหมือนเราได้เคลื่อนไหวไปกับธรรมชาติ

เข้ามาในตัวตึกแอร์ปะทะหน้า ก็ถูกต้อนรับด้วย Lobby สูงโปร่ง พร้อมกลิ่นหอมสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ตกแต่งด้วยหินอ่อนธรรมชาติสบายตา ตรงนี้มี Concierge คอยให้บริการเรียกรถ, จองร้านอาหาร ไปจนบริการซักรีด เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว ซึ่งเค้าให้บริการ 9.00-19:00 น. ครับ

ทางฝั่งขวามีโซฟาให้นั่งรอ และยังมี Gin Café ขายน้ำขายขนมตรงนี้ครับ แวะซื้ออะไรรองท้องก่อนออกไปทำงานได้ หรือจะนัดใครมาคุยธุรกิจ เกิดหิวก็เปลี่ยนมาคุยตรงนี้ เป็นเหมือน Business Café ด้วยครับ

เพราะที่นี่เป็นช่องจอดแบบ Auto Parking ที่เห็นจอตรงนี้ก็คือจุดกดเรียกรถของเรานั่นเองครับ กดแล้วก็สั่งอะไรเย็นๆกินรอได้

คาเฟ่ตรงนี้ก็มากับพื้นที่ 2 ชั้น เลือกนั่งได้ตามใจชอบ มาพร้อมกับบันไดวนสวยๆ แบบนี้ครับ

อีกฝั่งนึงก็ยังเป็นพื้นที่ให้นั่งพักผ่อน นั่งรอเพื่อนเช่นกัน กระจกสูงโปร่ง แสงธรรมชาติเข้าเต็มที่ ด้านขวามือมีบันไดไปไหนกันนะ

ขึ้นไปที่ Facilities ชั้น 2 นั่นเองครับ

ตรงนี้มี Privilege Quarter ให้นั่งพักผ่อนมีความเป็นส่วนตัวขึ้นมากว่าเดิมครับ

พร้อม Business Lounge ให้คุยงานหรือทำงานอีกจุดนึง ซึ่งถ้าใครอยากจะคุยธุรกิจที่ส่วนตัวกว่านี้ ข้างกันมี Private Meeting Room รองรับครับ

ก่อนขึ้นไปชั้นสูง ผมขอแวะออกมาดูส่วนกลางที่ด้านนอกกันบ้าง ตัว Auto Parking เค้าก็เป็นแบบนี้ครับ มีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งช่องจอดค่อนข้างขับเข้าง่ายเลยล่ะ มีขนาดเล็กไปถึงใหญ่รองรับรถ SUV คันสูงได้ด้วยพร้อมป้าย Digital แจ้งสถานะก่อนเข้า

ด้านข้างตึกมี Garden Yard Pavilion ให้นั่งชมนกชมไม้ตากลมเย็นๆได้ครับ

ตรงข้ามสวนมีห้อง Grab & Go เป็นจุดให้ไรเดอร์ของเรามาส่งอาหารวางไว้ที่ชั้นหรือใส่ตู้เย็นได้ ส่วนเราก็เปิดจากด้านในตึกมาหยิบไปสบายๆ ไม่ต้องพบเจอคน หรือเดินออกไปรับ ส่วนพี่ไรเดอร์เองก็ไม่ต้องจอดตากแดดรอเราด้วยครับ มีความปลอดภัยเพราะคนนอกเข้าได้ถึงแค่ห้องนี้นะ

ทางด้านหลังสุดมีช่อง EV Charger 2 จุดรองรับครับ

ก่อนขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นบนก็ต้องผ่าน Smart Mail Box ตรงนี้ สามารถใช้คีย์การ์ด, Face Scan หรือสมาร์ทโฟนเปิดเอาจดหมายได้ สะดวกมาก

ขึ้นมาดู Facilities ที่ชั้น 39 กันต่อครับ ตรงนี้เป็น Private Dining Lounge เรียกเชฟส่วนตัวทำอาหารทานกับเพื่อนๆหรือครอบครัวได้ครับ ยังคงตกแต่งด้วยวัสดุสีทองแดง กับกระเบื้องสีครีมดูหรูหราเช่นกัน

ถัดกันมีเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่สวยๆนี่คือ Wine Bar ครับ คุณผู้ชายอยากจิบระหว่างคุยธุรกิจ หรือจะพาคุณแม่บ้านมาเปลี่ยนบรรยากาศกระชับความโรแมนติกก็น่ารักอีกแบบ หรือจะมาทั้งแก๊งก็ไม่ต้องไปหาร้านที่ไหน นั่งกันตรงนี้ไปได้เลย

ส่วนวันนี้สองสาวขอจับจองพื้นที่จิบไวน์พร้อมเม้าท์มอยกันก่อน

ที่ปีกหนึ่งของอาคารคือ Starry Lounge ที่ออกแบบเล่น Reflection ได้สวยงามมาก

มีโซฟาหลากหลายรูปแบบให้ได้นั่งพักผ่อน ชมวิวเมือง ที่ตรงนี้นั่งชมวิวได้เต็มตา ภายใต้ความสูงโปร่งอลังการ เพลินดีจัง

ชั้นเดียวกันนี้ก็ยังมี Sky Theatre Room ให้พาเพื่อนพาคนรักมานั่งดูหนังกับโปรเจคเตอร์จอใหญ่ได้ พร้อมโซฟาตัวยาว ให้ทิ้งตัวนอนดูหนังเพลินๆเลย ข้างๆกันมี Game Room ด้วย

สุดท้ายที่ชั้นนี้คือ Spa Room ที่มากับเตียงคู่แบบนี้ครับ จองคิวช่างมานวดมาทำสปากับเพื่อนหรือแฟนก็ดูสวีท พร้อมกับผ่อนคลายไปด้วย ถูกใจคนเป็น Office Syndrome แบบผมเลย ฮ่าๆ

มาดูที่ชั้น 40 จุดไฮไลท์ของวันนี้ครับ กับ Endless Pool สระว่ายน้ำที่ให้ว่ายไปชมวิวเมืองไปได้เต็มตา หรือจะนอนอาบแดดชมวิวแบบนี้ก็ได้ ถ้าตอนพระอาทิตย์ตกต้องสวยจับใจแน่ๆ

ด้านขวาของสระว่ายน้ำมี Sunset Amphitheatre ก็เป็นพื้นที่ให้ได้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกอีกจุด โดยไม่ต้องตัวเปียกนะ ส่วนเก้าอี้ Sunbed นี่ต้องอาศัยการทรงตัวสักหน่อย เพราะต้องผ่านความชุ่มฉ่ำเข้าไปนั่ง แต่ก็ได้ภาพสวยๆ ลง IG ได้ในคอนโดเราเอง

มาดูที่ Panoramic Sky Fitness ในชั้นเดียวกันนี้เองครับ มากับสเปซและอุปกรณ์ครบครันเลย รองรับคนได้เยอะแบบไม่ต้องแย่งกันใช้ ออกกำลังกายไปกับวิวเมือง 270 องศา

ยังมีห้องปั่นจักรยาน กับห้องโยคะสตูดิโอแยกกันอีกครับ ใครอยากปั่นจักรยาน หรือมาเล่นโยคะ ซ้อนเต้น ทำกิจกรรมอะไรก็เลือกใช้กันได้ ยังมากับกระจกเต็มความสูงเช่นกัน ทุกห้องเน้นวิวเต็มตา

ออกกำลังกายเหนื่อยๆเสร็จแล้วก็ออกมาที่ Lava Onsen แช่น้ำร้อนผ่อนคลายกล้ามเนื้อต่อได้เลย อยู่ในห้องน้ำแยกชายหญิงเรียบร้อยครับ มาพร้อมวิวเมืองสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้ว่าแต่ละครั้งจองได้นานแค่ไหน แต่เห็นแล้วอยากแช่ยาวๆ

ขึ้นบันไดมาที่ Rooftop Floor มีสวนพร้อม Walking Trail ให้เดินชมต้นไม้บนนี้ และมี Sunset View Point ให้ดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าได้อีกจุดครับ แต่ส่วนนี้จะต้องเดินขึ้นบันไดเท่านั้นนะ เพราะเค้าอยากให้ลูกบ้านได้เดินออกกำลังกาย ฮ่าๆ

เหนือฟ้ายังมีฟ้าฉันใด เหนือ Rooftop Floor ก็ยังมี Top of Rooftop Floor ฉันนั้นครับ ตรงนี้เค้าให้ลูกบ้านเดินขึ้นมานั่งพักผ่อนกินลมชมวิว ตอนเย็นน่าจะลมดีน่าดูเลยล่ะ แล้วเอ๊ะ สุดทางเดินด้านหน้าเราคืออะไรกันนะ

ผมร้องว้าวเลย ตรงนี้คือ The Cliff Panorama นี่เองครับ เสมือน Edge Of The Sky ทางเดินยื่นออกไปให้ได้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนท้องฟ้าเลยล่ะ ใครกลัวความสูงอาจมีขาสั่น ใจหวิวๆนะครับ แต่วิวตรงนี้สวยมากจริงๆ และนี่ก็คือความอลังการของส่วนกลางทั้งหมดของที่นี่ครับ

กดลิฟท์พาไปชมห้องตัวอย่างกันต่อ วันนี้มากับห้อง 2 รูปแบบ มากับห้อง 2 ชั้นสูงโปร่ง ซึ่งตามโฉนดรวมถึงค่าส่วนกลางก็จะคิดแค่ชั้นล่างครับ

เริ่มที่ห้องใหญ่กันก่อนครับ เค้าเรียกรูปแบบนี้ว่า 1 Bedroom Plus ขนาด 35.8 ตร.ม. ซึ่งถ้ารวมชั้นบนแล้วจะได้พื้นที่ใช้สอยรวม 45.7 ตร.ม. ครับ แต่สเปซสามารถทำเป็น 3 Bedroom 2 Bathroom ได้เลย ไปชมกันครับ

เข้ามาเจอกับความโปร่งโล่งสบายด้วยเพดาน 4.25 ม. ทำให้ห้องโปร่งมากจริงๆ เป็นความสบายที่รอต้อนรับเราตั้งแต่ทางเข้าประตูมา

โซน Living ขนาดใหญ่ มีหน้าต่างช่องแสงเกือบเต็มความสูงนะ พร้อมกระจกบานกระทุ้งเปิดรับลมธรรมชาติได้ครับ ได้มาลองนั่งๆเดินๆในห้องแบบ Double Volume ความรู้สึกมันโล่งสบายจริงๆนะครับ หลังโซฟายังมีพื้นที่วางโต๊ะกินข้าวได้สูงสุด 4 ที่นั่ง หันไปดูทีวีได้สะดวกเหมือนกัน ได้แอร์แบบ Conceal type ตำแหน่งบริเวณทางขึ้นบันไดครับ

ส่งยิ้มให้ห้องครัวหนึ่งกรุบ

ส่วนด้านในครัว เราก็จะได้เคาน์เตอร์ครัว เตาพร้อมที่ดูดควัน แล้วยังได้ไมโครเวฟ กับตู้เย็นแถมให้ด้วย ครัวมีขนาดกำลังดีเลยนะ ใกล้ประตูเข้าออก ไปจับจ่ายตลาดกลับเข้ามาวางได้สะดวก

ด้านบนคือส่วนของห้องอเนกประสงค์ทั้งหมด ซึ่งเค้าทำเป็นห้องนอน ส่วนด้านล่างที่อยู่มุมด้านในสุดจะเป็น ห้องน้ำและห้องนอนหลักครับ ผมขอพาดูชั้นล่างให้ครบก่อนนะ

ห้องน้ำรวมก็จะครบฟังก์ชันแบบนี้เลยนะ มากับกระเบื้องสีอ่อนสะอาดตาครับ ได้สุขภัณฑ์ของ Kasch ได้ Rain Shower ด้วย ตกแต่งไฟซ่อนมาสวยเลยน่าใช้

ใต้บันไดเค้าก็มีช่องที่ไม่ใช่ห้องลับอะไรครับ เป็นช่องสำหรับส่วน Laundry วางเครื่องซักผ้า บิวท์ชั้นวางของแบบนี้ ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าสุดๆ

เข้ามาดู Master Bedroom ที่ชั้นล่างครับ สิ่งที่ผมชอบคือห้องนอนชั้นล่างก็ยังได้ความสูงของเพดานเท่าๆกับโซน Living เมื่อซักครู่เลย ทำให้โปร่งอยู่สบายจริงๆฮะ มากับกระจกเข้ามุมเต็มพื้นที่แบบนี้ สมกับการเป็นห้องของเจ้าของบ้าน

อีกฝั่งก็เป็นพื้นที่ตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำในตัวเลยครับ

ห้องน้ำที่นี่เค้ามากับ Smart Mirror พร้อมไฟ LED ด้วยนะ แต่งหน้าสวยๆไปฟังเพลงโปรดไป สะดวกง่ายๆแค่ปลายนิ้ว ไม่ต้องพกโทรศัพท์เข้าห้องน้ำแล้ว ได้ Rain Shower อีกจุด แถมมีระเบียงส่วนตัวตรงนี้ด้วย จะออกไปก็อย่าลืมใส่เสื้อผ้าก่อนนะ ฮ่าๆ

ไปดูที่ชั้นบนกันต่อ

ห้องนอนชั้น 2 ก็โปร่งไม่ต่างกันครับ เค้ากั้นกระจกใสแบบนี้มาให้ด้วย แอบดูคนข้างล่างได้ว่า เอ.. ทำอะไรอยู่ กับข้าวเสร็จยัง แล้วก็มีบานกระทุ้งเปิดรับระบายอากาศครับ ด้านขวามือมีห้องเล็กๆกับบานเลื่อนกระจกบิวท์ชั้นวางของแบบนี้ได้ครับ เก็บของได้เยอะเลย ถ้าตู้เสื้อผ้าไม่พอ มาทำด้านนี้ได้อีก ข้างบนนี้ได้แอร์เป็น Conceal Type เช่นกัน

อีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า และประตูตรงกับห้องอเนกประสงค์ตรงข้ามครับ

ห้องอเนกประสงค์เค้าก็ทำเป็นห้องนอนให้เห็นถึงประสิทธิภาพสูงสุดของห้องรูปแบบนี้ครับ นับๆ ดูแล้วทำได้ถึง 3 ห้องนอนเลย

มุมนี้สวยปังจริงๆครับ เห็นถึงความกว้างขวางเหมือนอยู่บ้านเลย นี่คือจุดแข็งของห้อง Duo Space ของที่นี่ครับ จบห้องนี้แล้วเราจะพาไปดูอีกห้องนึงกันต่อเลย

มาที่ห้องสุดท้าย รูปแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35.8 ตร.ม. รวมชั้นบนพื้นที่ใช้สอยจะอยู่ที่ 45.7 ตร.ม. ครับ ซึ่งพื้นที่ก็สามารถทำเป็น 2 Bedroom ได้เลยล่ะ

เข้ามาเจอโซน Living ที่สูงโปร่งกันอีกเช่นเคยครับ ผมว่าห้องขนาดนี้อยู่ 2 คนกำลังดีมากๆเลยล่ะ เค้าจัดฟังก์ชันได้น่าสนใจด้วยครับ

รูปแบบนี้ห้องครัวก็จะเล็กลงมาหน่อย จะเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยทำอาหารครับ ส่วนห้องน้ำก็เข้าได้ตรงนี้จุดนึง ทั้ง 2 ส่วนจะอยู่ใต้พื้นที่ชั้น 2 ครับ

ข้างประตูมีตู้เก็บรองเท้าทรงสูงแบบนี้มาให้ด้วย มาพร้อมช่องวางของ จะวางกระเป๋า คีย์การ์ด หรือของที่จะหยิบออกจากห้อง ตำแหน่งนี้สะดวกดีครับ โซฟาวางไล่ไปตามแนวห้อง หรือจะวางตัวสั้นลงหน่อย แล้ววางโต๊ะกินข้าวเล็กๆไว้ข้างระเบียงก็ดีนะ

ตำแหน่งติดตั้งทีวีก็จะอยู่หน้าครัวพอดิบพอดี ส่วนห้องนอนหลักชั้นล่างอยู่ด้านซ้ายมือของทีวีนี่เองครับ

ห้องนอนยังคงเพดานสูงเหมือนห้อง Living อยู่ครับ มากับกระจกเข้ามุมเต็มพื้นที่เช่นกัน ยังเหลือพื้นที่ให้ทำโต๊ะเครื่องแป้งข้างๆได้ และโต๊ะวางทีวีที่ปลายเตียงครับ

ด้านขวาของเตียงนอนเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า และประตูเข้าออกห้องน้ำอีกจุดครับ เข้าออกได้ทั้ง 2 ทาง สะดวกในตอนกลางคืน

ไปดูที่ชั้น 2 กันต่อครับ

จากที่ผมบอกว่าเค้าจัดฟังก์ชันได้น่าสนใจ เพราะชั้นบนเค้าทำเป็นห้องนั่งเล่นและทำงานครับ ถ้าอยู่กัน 2 คนกับสุดที่รัก ชั้นบนก็จะเหลือพื้นที่อเนกประสงค์ให้ทำเป็นห้องตามที่ต้องการเลย จะเป็นห้องดูหนังเล่นเกมก็เหมาะ วาง PS5 ซักตัว ผมก็ไม่ไปไหนแล้วครับ

แต่ถ้าอยู่กันเป็นครอบครัวเล็ก พ่อแม่ลูก จะทำเป็นห้องนอนรองก็สบายครับ ตรงมุมมีพื้นที่บิวท์ตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้พอดิบพอดี มีสเปซก็จัดสรรได้ตามชอบนะ เค้ากั้นกระจกมาให้แล้วเรียบร้อย

ก็จบไปแล้วครับกับห้องตัวอย่างทั้ง 2 รูปแบบที่น่าสนใจ ซึ่งมีความยืดหยุ่นใน Layout ที่นำมาปรับเป็นห้องนอน ห้องทำงานได้สะดวก วันนี้เดินซะเยอะเลย ก่อนกลับผมขอพาทุกคนไปเติมพลังในร้านอาหารที่ไม่ไกลโครงการกันดีกว่า ตามมาเลย

เดินเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการมาประมาณ 400 ม. ก็จะเจอกับร้าน ‘Pasta Ama’ หรือพาสต้าอาม่า ร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องสปาเกตตี้โฮมเมดในย่านราชเทวีครับ สาขานี้จะอยู่ในร้านเดียวกับร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชื่อ Hako นี้แหละ เจ้าของเดียวกันครับ

น้องๆเค้าเคยกินกันแล้ว ก็แนะนำเมนู Signature ของที่นี่ พอคุยเล่นกันไม่นาน อาหารก็มาครับ ร้านนี้วันธรรมดาคนไม่ค่อยเยอะ สามารถ Walk in ได้เลย แต่วันเสาร์-อาทิตย์อาจจะต้องจองคิวครับ

หิวกันแค่ไหน ไม่ต้องสืบเลยครับ 555 สำหรับเมนู Signature คือจานที่น้องจับอยู่ชื่อว่าสปาเกตตี้คาโบนาร่าซอสพริกศรีราชาไข่ออนเซ็นครับ ต้องบอกว่าอร่อยจริง หอมนัวละมุนกำลังดีครับ ใครยังไม่เคยลอง สั่งดูนะ ส่วนที่มาแบบผสมผสานจานใหญ่นี่ก็เมนู Hako Signature ของเค้า มาคนเดียวอย่าริลองเลย 555

นี่ก็คือความสวยงามและความสะดวกสบายของโครงการ ‘พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี’ คอนโดพร้อมอยู่กับบรรยากาศความผ่อนคลายและความหรูหรา ที่ผมพามาชมกันครับ ส่วนกลางออกแบบจัดเต็มเกินจำนวนยูนิต มากับห้องที่ได้พื้นที่ใช้สอยแบบ Duo Space 2 ชั้นสุดสบาย ในทำเลใจกลางเมืองย่านราชเทวี ใครที่ยังไม่เคยเข้ามาชมโครงการ ขอเรียนเชิญครับ