แอบดูคอนโด The Base เพชรบุรี-ทองหล่อ ต่อติดทุกสไตล์ ในทำเลใจกลางเมือง เริ่ม 3.29 ล้าน​

ผมจะพาทุกคนชมคอนโดพร้อมอยู่ใกล้ทองหล่อในราคาคุ้มค่า เป็นส่วนตัว มาพร้อมส่วนกลางสวยๆ หลากหลายให้ใช้งานกันด้วยครับ ไปดูจุดเด่นของที่นี่กันก่อนครับ​

คอนโด The Base เพชรบุรี-ทองหล่อ

​Living Highlight

  • อยู่ติดถนนใหญ่เพชรบุรีตัดใหม่ ใกล้ทองหล่อ และเดินทางไปอโศกได้สะดวก​
  • มีความเป็นส่วนตัวเพียง 496 ยูนิต​
  • มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานครบครันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง​
  • ราคาคุ้มค่า เฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 115,000 บาท/ตร.ม.​

​ทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวก​

โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ห่างจากซอยทองหล่อประมาณ 400 ม. การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จึงเหมือนอยู่ท่ามกลางแหล่งไลฟ์สไตล์ในระยะใกล้บ้าน ทั้งทองหล่อ และเอกมัย (เดินย้อนไปขึ้นรถที่ท้ายซอยทองหล่อดูจะเร็วกว่าการขับรถไปยูเทิร์นบนถนนเพชรบุรีนิดหน่อยในช่วงเวลา Rush hour) และถ้ามุ่งหน้าไปจากหน้าโครงการก็จะเชื่อมต่อเข้าสู่อโศก และพระราม 9 ซึ่งเป็นทั้ง Central Business District ศูนย์รวมแหล่งงานของชาวออฟฟิศเพียบ (ไม่นับบนถนนเพชรบุรีอีกด้วยนะ) มีทั้งสถานศึกษา และโรงพยาบาลชั้นนำใกล้เคียง ค่อนข้างง่ายที่จะ Balance ชีวิตทั้งในโหมดทำงานช่วง Weekdays และโหมดพักผ่อนช่วง Weekends ได้เป็นอย่างดีครับ​

การเดินทางที่นี่นอกจากใช้รถแล้ว ก็มีตัวเลือกการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า 2 สายหลัก ทั้ง MRT เพชรบุรี และ BTS ทองหล่อ ซึ่งก็ไปได้สะดวกเพราะมี Shuttle Service จากโครงการเลย และสำหรับใครที่ต้องเดินทางไปสนามบินก็สามารถไปยังแอร์พอร์ตลิงก์ได้ในระยะประมาณ 2 กม. ครับ นอกจากนี้ในอนาคตก็จะมีการพัฒนารถไฟฟ้า Monorail สายสีเทา วัชรพล-ทองหล่อ เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 4 สาย (เขียว/ชมพู/เหลือง/ส้ม) เข้าด้วยกัน ในระยะราว 400 ม. จากโครงการด้วย ​ เป็นหนึ่งในศักยภาพที่จะมาถึงในอนาคตครับ​

ภาพรวมโครงการ​

คอนโด The Base เพชรบุรี – ทองหล่อ เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น 1 อาคาร โดยมี Clubhouse สูง 2 ชั้น อยู่ด้านหน้า ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ รวมห้องพักอาศัย 496 ยูนิต พร้อมที่จอดรถ 40% ค่อนข้างเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตที่ไม่เยอะ โดยจะมีจำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นอยู่ที่ 17 ห้องครับ​

เรารู้กันดีว่าหน้าถนนเพชรบุรีค่อนข้างมีการจราจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน การออกแบบของที่นี่จึงวางตัวอาคารถอยออกจากหน้าถนนพอสมควร แล้ววางพื้นที่สวนสีเขียว ต้นไม้ใหญ่ และอาคาร Clubhouse (มีทั้งร้านค้าและ Co-working space บนชั้น 2 ซึ่งเหมาะกับการนัดทำงานพบปะกับเพื่อนฝูง) อยู่ด้านหน้าเพื่อเป็นกันชนพักความวุ่นวายเหล่านั้นทิ้งไว้อยู่ด้านนอกครับ ​

Facilities ในโครงการมีดังนี้ครับ​

  • ชั้น G เป็นที่ตั้งของ Lobby ที่มีทั้งส่วน Semi-Outdoor / Indoor ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านมากขึ้นเพราะมีที่ให้แขกรออยู่ด้านนอก มีพื้นที่ Co-Living Space ให้นั่งชิลล์ หรือทำงานกันในบรรยากาศสดใส หลากหลายมุม มี Smart Locker ที่ออกแบบได้แนบเนียน รวมทั้ง EV Charger ด้านนอกด้วยครับ โครงการยังได้ปรับสเปคให้เข้ากับชีวิต New Normal ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Face Scan Access เข้าอาคาร หรือมีจุด Delivery Area ที่เปิดหยิบจากด้านในเลยไม่ต้องเดินออกไปครับ​
  • ​ชั้น 6 เป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำพร้อมที่นั่งพักผ่อนรอบๆ ให้นอนชมวิว มีฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์มากมายและเครื่องออกกำลังกายสนุกๆ แบบไต่ขึ้นบันไดให้เล่นด้วย​
  • ​ชั้น 36 มี Sky Lounge ให้ชมวิวเมืองแบบพาโนรามา มีมุมให้นั่งพักผ่อนหลากหลายและได้ความเป็นส่วนตัว มีอุปกรณ์อย่างโต๊ะพูลให้เล่น และมีห้อง Sky Theater ที่ชั้นนี้ให้ดูหนังสนุกๆ ได้ทุกวันผ่านจอ QLED 85 นิ้วเต็มตา​
  • ​ชั้น Rooftop ที่นี่ยังใช้ได้อย่างคุ้มค่านะครับ มีทั้งพื้นที่ให้นั่งเล่นเหมือนยก Lounge มาอยู่ Outdoor มีมุม Pantry ให้จัดเตรียมและทานอาหารบนโต๊ะยาว รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว และพืชผักสวนครัวรั้วกินได้สไตล์ Sansiri Backyard Garden​

รูปแบบห้องและราคา​

ที่นี่มีห้องทั้งหมด 4 Type คือ​

  • แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 27.25 – 29.25 ตร.ม. ​
  • แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 31.75 – 40 ตร.ม. ​
  • แบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 45.75 ตร.ม.​
  • แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 61.25 ตร.ม.​

ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างที่นี่ใน 3 Type แรกเลยครับ มีทั้งรูปแบบห้องที่มีครัวปิดติดระเบียง, ห้องที่ให้ความสำคัญกับห้องนั่งเล่นที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ และห้อง 2 ห้องนอนที่ใช้พื้นที่ได้อย่างน่าสนใจมาให้ชม ​

โครงการราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยราว 115,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่อยากใช้ชีวิตอยู่ในโซนนี้ และมีงบไม่เกิน 4 ล้าน ก็ค่อนข้างเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยบนแหล่งไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงอย่างซอยทองหล่อที่ราคาเฉลี่ยสูงกว่า 2-3 เท่าครับ​

*พิเศษสำหรับคนสนใจโครงการ ในวันที่ 19 – 20 มี.ค. นี้ เดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ จัดโปรโมชั่นพิเศษ จองทุกยูนิตรับ ทองคำ 3 บาท เฟอร์นิเจอร์สูงสุด 14 รายการ แถมได้ลุ้นรางวัลโปรเตลูอีก 3 ต่อ ​ โดยจองเพียง 5,000 บาท พร้อมเข้าอยู่ มิ.ย. นี้แล้วครับ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่นี่เลย >> http://siri.ly/4Rz7dY3

ที่ตั้งโครงการ http://siri.ly/PclqSd1​

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด​

#LivingSneakPeek #TheBaseเพชรบุรีทองหล่อ​ #Sansiri #รีวิวคอนโด

คอนโด The Base เพชรบุรี-ทองหล่อ

วันนี้เราจะพาทุกคนไปชมโครงการจริงที่แล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่กันทุกซอกทุกมุม

ทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และห้องตัวอย่างบนตึกจริงครับ

ตัวอาคารให้สีน้ำเงินตัดกับสีทอง ซึ่งก็สะท้อนสีสันและตัวตนของไลฟ์สไตล์ย่านนี้ครับ

จากด้านหน้าอาคารเราจะเห็นตัวคลับเฮ้าส์ทางด้านขวามือ ซึ่งจะอยู่ด้านหน้าติดกับถนน เคียงคู่ไปกับสวนและพื้นที่สีเขียวหน้าโครงการ

ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้โดดเด่นเป็นสง่า เสริมด้วยกระจกโค้งโดยรอบคอยต้อนรับเมื่อเรากลับถึงบ้าน

เดี๋ยวเข้าไปดูพื้นที่ Co-Working Space บริเวณชั้น 2 ของอาคารคลับเฮ้าส์ด้านหลังกันหน่อยครับ

มีทั้งมุมที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งคอนโดเตรียมพื้นที่ Pantry ให้บริการด้วย

ก่อนเข้าห้องก็มีที่นั่งด้านนอกด้วย

และมีมุมอื่นๆ ในลักษณะของโซฟากลุ่มเล็กๆ สีสันสดใส ในนี้มีห้องน้ำในตัวให้ใช้งาน จะนัดพบเพื่อนฝูง หรือแขกข้างนอกก็สะดวกครับ

ก่อนจะเดินเข้าสู่ตัวอาคารมีสวนสวยซ้ายขวาเลย ช่วงเย็นอากาศดีๆ เหมาะมานั่งเล่นมากๆ

มาถึงตัวอาคาร บริเวณชั้นล่างนี้มี Facilities ให้ใช้งานหลายที่เริ่มจาก Co-Living Area ก็จะดีไซน์คล้ายๆ กับส่วน Co-Working Space โดยใช้สีสันสดใส และมีที่นั่งพักผ่อนให้ชมสวนด้านนอกในมุมที่แตกต่างกันไป

ที่นี่ Access เข้าอาคารแบบ Touchless ครับ ปรับมาแล้วเพื่อลดการสัมผัสก่อนเข้าสู่ด้านในอาคาร

ดีไซน์ซุ้มโค้งนี้เค้าเอามาใช้ในพื้นที่ส่วนกลางหลายที่ เข้ามาด้านใน Waiting Room ก็จะลดทอนสีสันลง ให้ความรู้สึก Cozy มากขึ้น

เห็นเป็นเงาลางๆ นี่คือโลหะที่ถักทอเป็นเสมือนม่านโปร่ง ช่วยจัดสรรพื้นที่แต่ละโซนแต่ให้ความโปร่งกับบรรยากาศโดยรวม

ถัดเข้ามาก็เป็นที่ตั้งของ Mail Room ที่มีดีไซน์เก๋ดีไปอีกแบบ

ภาพนี้มี 2 Facilities อยู่ด้วยกัน สุดทางเดินคือช่องสำหรับรับของ Delivery จากด้านในเลยครับ สะดวกดีแม้วันฝนตก และไม่เสียความมั่นใจในตอน ที่ยังไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัว เพราะไม่ต้องเดินออกไปเจอใคร ฮ่าๆ

ส่วนฝั่งซ้ายมือที่สังเกต เห็นเหมือนเค้าทำเป็นช่องๆ ไว้นี่คือ Smart Locker ที่ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับดีไซน์ภายใน เป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่สร้างความประทับใจ ไม่เหมือนกับการเอาตู้มาวางดื้อๆ แล้วไม่เข้ากับสิ่งใดเลย

โถงลิฟต์ก็ทำออกมาได้สวยงาม ดีไซน์ไปด้วยกัน

กดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 6 กันหน่อยก็จะเจอพื้นที่สระว่ายน้ำ ที่มีทั้งโซนในร่ม และ Outdoor พร้อมมุมให้นั่งเพลินๆ

จะมานั่งกันส่วนตัวตามประสาคู่รักโดยไม่ต้องสนใจคนที่มาจ้วงออกกำลังกันข้างหลังก็มุมนี้

หรือจะนอนสุนทรีย์รับลมก็มีมุม Sunbed ให้เลือก

อยู่ถัดเข้าไปด้านในก็คือฟิตเนสที่มีอุปกรณ์รองรับตามความต้องการไม่ว่าจะ คาร์ดิโอ, โชว์กล้าม หรือไต่ระดับแบบขั้นบันไดด้วย Jacob Ladder ที่จะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อแต่ลดแรงกระแทกที่มีกับข้อต่อ (มีรูปใน comment)

วิ่งไปชมวิวไปได้เจริญหูเจริญตา และทั้งหมดนี้ก็คือพื้นที่ส่วนกลางของชั้น 6 ครับ

กดลิฟต์ต่อไปอีกยังชั้น 36 จะมี Sky Lounge พร้อมกระจกรอบทิศรอต้อนรับ

เค้าจัดวางชุดโซฟา ไว้หลากหลายนะ ถ้าชอบแบบอยู่ท่ามกลางผู้คนก็เลือกแบบฝั่งที่เปิดโล่ง

หรือถ้าอยากได้มุมที่เป็นส่วนตัวก็มีแบบที่เค้ากั้น Section เอาไว้ให้

และเค้าก็จัดให้นั่งหันออกไปชมวิวด้านนอกได้เต็มๆ ตาเลยน่าใช้งานครับ ดีไซน์ก็น่าสนใจดี เป็นการจัดวางสิ่งของที่แตกต่างกันให้อยู่ด้วยกัน เห็นได้ชัดที่สุดก็งานพื้นนี่แหละ

อีกฝั่งนึงมีห้องดูหนังส่วนตัวไว้ให้บริการด้วยจอ QLED 85 นิ้วพร้อม Soundbar ตัว TOP จาก SAMSUNG ครับ

มีห้องน้ำไว้บริการบนชั้นนี้ในตัว

กดลิฟต์ไปอีกทีถึงชั้นบนสุด (ที่นี่ลิฟต์ถึง Rooftop เลยไม่ต้องเดินขึ้นบันได) เป็นพื้นที่ใช้งานแบบ Outdoor หลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะโซนที่ให้นั่งรับประทานอาหารได้ พร้อม Pantry

พื้นที่แปลงผักในบ้าน Sansiri Backyard Garden

และโซน Outdoor Lounge ที่ขึ้นมาอยู่ชั้นบนสุด รับลมธรรมชาติแทนเครื่องปรับอากาศ และมีวิว City Skyline เป็นภาพพื้นหลัง เราพาดูพื้นที่ส่วนกลางกันครบแล้ว เดี๋ยวพาไปชมในห้องกันบ้างครับ

เริ่มกันที่ห้องตัวอย่างห้องแรก 1Bedroom ขนาด 27.25 ตร.ม. สีสันสดใส

เมื่อเปิดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ของส่วน Living Area และห้องนอนอยู่ถัดไปข้างใน กั้นด้วยบานเลื่อนใสเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาสู่ห้องนั่งเล่นด้วย ห้องที่นี่ปกติขายแบบ Fully Fitted คือให้เฟอร์นิเจอร์ในส่วนชุดครัวและห้องน้ำ ยกเว้นว่าจะซื้อในช่วงโปรโมชั่นนี้ก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ครบเลย ไม่ต้องหาอะไรเพิ่ม

อ้อ ทุกห้องที่นี่เค้าให้ Digital Door Lock ของ Yale มาด้วยนะ

เค้าเลือกใช้บานเลื่อน 3 ตอนมากั้นส่วนซึ่งเปิดได้กว้าง ใช้งานสะดวกในการเดินเข้าออก และใช้ชีวิต

ในห้องนอนอยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดบานเล็กเพื่อระบายอากาศได้ มีพื้นที่เหลือข้างเตียงซ้ายขวาพอสมควรนะครับไม่แน่น โซนปลายเตียงก็จัดทำให้เราเห็นว่าสามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ สีสันเจ็บเหลือเกิน

อีกฝั่งนึงคือที่ตั้งของห้องครัว และห้องน้ำที่อยู่ฝั่งนี้ เป็นครัวปิดนะครับ ซึ่งตรงนี้เราสามารถทำบานเลื่อนกั้นไว้ให้ช่วยลดทอนเรื่องกลิ่นของทุกสิ่งให้อยู่ห่างจากห้องนอนได้ครับ

 

พื้นที่ครัวอยู่ติดกับระเบียงอีก เปิดระบายอากาศได้ง่าย และพื้นที่เหมาะกับการเช็ดล้างทำความสะอาด ซึ่งก็เหมาะกับโซนฝั่งนี้ที่อาจจะได้สัมผัสความชื้นบ่อยกว่าอีกฝั่งนึงครับ

Backsplash หลังครัวที่นี่ทุกห้องดีไซน์เป็นลวดลายกราฟฟิคเฉพาะตัว ไม่เหมือนทั่วไปดี มีเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้ครบทั้งเตาและที่ดูดควัน

ห้องน้ำเค้าทำอุปกรณ์มาให้แล้ว กั้นส่วนเปียกแห้งด้วยกระจกบานเลื่อน 3 ตอนเช่นเดียวกัน และสามารถเก็บของหลังกระจกได้ด้วยครับ

ไปต่อกันในห้องถัดไป แบบ 1 ห้องนอนเช่นเดียวกัน แต่ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ที่ 31.75 ตร.ม. ครับ

ห้องนี้จะเป็นห้องที่เน้นพื้นที่เปิดในส่วน Living Area เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดตั้งแต่ครัว โต๊ะอเนกประสงค์ ไปจนส่วนนั่งดูทีวีที่ติดกับระเบียงด้านในสุดเลยครับ ซึ่งห้องตัวอย่างเค้าดีไซน์ซุ้มประตูไว้ให้เห็นเป็นไอเดียในการเพิ่มฟังก์ชั่นที่แยกพื้นที่ทั้งสองออกจากกันก็สามารถปรับทำได้ และยังได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเพราะห้องนอนนั้นเป็นผนังทึบครับ

ถ้าโต๊ะตรงนี้ก็ดูใช้ได้แบบ Multi-function ดี ทั้งกินข้าวและเอาไว้ทำงาน

ทางเข้าฝั่งซ้ายมือมีพื้นที่ที่ทำเป็นตู้ได้บานใหญ่เชียว ตรงบริเวณกระจกนี้ก็ยังทำเป็นโซนสำหรับวางของที่เราใช้บ่อยๆ จะได้หยิบจับก่อนออก และวางของหลังจากเข้ามาในห้องได้

ฝั่งขวามือเป็นพื้นที่ส่วนของครัว ซึ่งแม้จะเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกันกับด้านในห้อง แต่ก็ปูกระเบื้องไว้ให้สำหรับโซนครัวแยกต่างหากไม่ได้เป็นพื้นลามิเนต

ถัดเข้ามาสามารถจัดวางโต๊ะได้ 2 ที่นั่ง ตำแหน่งนี้ก็ใช้ประโยชน์ได้อเนกประสงค์ จะไว้สำหรับกินข้าว หรือเอาเป็นพื้นที่นั่งทำงานก็ได้ เหมาะกับชีวิตยุคปัจจุบันที่ทำงานกันได้ทุกที่ทุกเวลา เชื่อมต่อไปกับพื้นที่นั่งดูทีวีที่ห้องนี้อยู่ติดกับระเบียงให้รับลมชมวิว

เข้าไปดูกันต่อในส่วนไพรเวทกันบ้าง

อีกฝั่งของห้องเป็นที่ตั้งของห้องนอนที่อยู่หลังผนังทึบ รับแขก หรือเพื่อนมาเยี่ยมก็สะดวกมากขึ้น

เค้าก็เลยออกแบบให้โฟลวการใช้ห้องน้ำ แต่งตัว และนอนพักผ่อนอยู่ในฝั่งนี้ทั้งหมดครับ

ตำแหน่งแอร์อยู่ไกลเตียงมาสักหน่อย บริเวณเหนือห้องน้ำ แต่ก็ดูจะ Service ง่ายดี

ในห้องน้ำก็มีช่องสำหรับวางของทั้งในส่วนเปียกและแห้งเลย เข้าได้จากในห้องนอนครับ

ไปกันที่ห้องสุดท้ายครับแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 45.75 ตร.ม. ใช้พื้นที่ได้คุ้มเลย ทำให้ราคารวมไม่สูงเกินไปสำหรับคนที่อยากได้แบบ 2 ห้องนอน

จากหน้าห้องฝั่งซ้ายมือคือโซนครัวและห้องนั่งเล่น ตรงกลางคือห้องนอนที่ 2 และด้านในทางขวาคือห้อง Master Bedroom โดยมีห้องน้ำที่อยู่หลังประตูห้องนี้เข้าได้จาก 2 ทางคือ จากหน้าห้อง และในห้องนอนใหญ่ครับ โดยเค้าตกแต่งพื้นที่โล่งด้านหน้านี้ให้เป็นตู้บานใหญ่

จุได้จุใจทุกสิ่งที่ต้องการ

ฝั่งซ้ายมือนี่คือ พื้นที่โซนครัวที่เชื่อมต่อกับ Living Area เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ตรงครัวนี้เชื่อมต่อกับระเบียง เปิดประตูออกไปได้ ก็ได้ช่องแสงที่ทำให้ครัวดูโปร่งด้วย ตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าก็จะปรับจากระเบียงในห้อง 1 Bedroom มาอยู่ที่ครัวแทนครับ

เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว ที่จัดวางแบบซ้ายขวาก็ใช้งานได้สะดวกดีนะ

ข้อดีของการเป็นห้องมุมก็คือเราจะมีพื้นที่ช่องแสงถึงสองฝั่งเลยครับ ห้องนี้เลยดูโปร่งมาก

ไม่ว่าจะในโซนโต๊ะทานข้าว ซึ่งในห้องตัวอย่างดีไซน์มาน่ารักเชียว

รวมทั้งในมุมของส่วนนั่งพักผ่อนดูทีวีที่ก็อยู่ชิดกับกระจกให้ผ่อนคลายสายตาไปกับวิว

เดินกลับมากลางห้องผ่านห้องนอนที่ 2 กันก่อน

พื้นที่ที่มีก็คือความยืดหยุ่นที่เราจัดสรรเองได้ครับ อย่างห้องนี้เค้าทำเป็นห้องทำงานซึ่งเราจะจัดออกมาแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความสนใจของเรานี่แหละ แต่ถ้ามีครอบครัวแล้วจะทำเป็นห้องนอนก็ปรับไปตามจังหวะของชีวิตได้เหมือนกัน

และด้านในสุดก็จะเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom

ห้องนี้กว้างอยู่สบายเลย จะใส่เตียง King Size ก็ไม่แน่นนะครับ พื้นที่เหลือเฟือ

ห้องตัวอย่างนี้เค้าจัดทำตู้เสื้อผ้าไว้ลึกมาก ถ้าอยากเพิ่มขนาดเตียง ลดความลึกตู้ลงหน่อยก็พอดีกัน

ห้องน้ำห้องเดียวในห้องนี้ก็ออกแบบมาเป็น Jack and Jill Bathroom เข้าได้ทั้งจากในห้องนอน และจากโถงกลางห้องครับ นี่ก็เป็นอันครบจบทุกห้องตัวอย่างของที่นี่แล้วครับ

และทั้งหมดก็คือภาพ และความน่าสนใจของคอนโด “เดอะเบส เพชรบุรี ทองหล่อ” ที่ Living Sneak Peek พาชมกันนะครับ ที่นี่เป็นคอนโดที่มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานหลากหลาย และปรับมาเพื่อรองรับชีวิตในยุคปัจจุบันด้วย สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คงเป็นเรื่องของทำเลที่อยู่ในใจกลางเมือง แม้ว่าจะไม่ได้ติดรถไฟฟ้าแบบเดินได้ในปัจจุบัน (ในอนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีเทาที่สามารถใช้งานได้สะดวก) แต่ก็แลกมากับราคาที่จับต้องได้และค่อนข้างคุ้มค่าเมื่อเทียบกับทำเลในซอยสุขุมวิทตอนกลางที่สูงกว่าพอสมควร ใครที่สนใจก็เข้าไปชมโครงการได้เลยนะครับเปิดทุกวัน แถมเค้ายังจัดโปรโมชั่นก่อนปิดโครงการที่น่าสนใจมาก สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่นี่เลยครับ http://siri.ly/jp7Ne43